วันที่ 13 มิถุนายน 2544
วันนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้นำคณะผู้นำศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเจ้าหน้าที่ รวม 93 คน เข้าเยี่ยมคารวะ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อรับโอวาทและแนวคิดในการปฏิบัติหน้าที่แก่ผู้นำศาสนา ในโอกาสที่เดินทางมาศึกษาดูงานที่กรุงเทพมหานคร
ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้โอวาทว่า อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น ถือเป็นผู้นำของท้องถิ่น เป็นผู้ที่พี่น้องชายไทยมุสลิมต่างให้ความเคารพนับถือและให้ความศรัทธา ซึ่งทุกคนถือเป็นกำลังสำคัญของบ้านเมือง รัฐบาลนี้ได้ใช้ยุทธศาสตร์ “พลังแผ่นดิน” เป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ เพราะตระหนักดีว่า ลำพังคณะรัฐมนตรีเพียง 36 คน ตลอดจนสมาชิกรัฐสภา 700 คน ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร พนักงานรัฐวิสาหกิจและเจ้าหน้าที่ของรัฐอีก 2 ล้านกว่าคน แม้จะทำงานหนักและทุ่มเทเพียงใดก็ยากที่จะแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองให้สำเร็จลุล่วงได้ หากปราศจากความร่วมมือจากพี่น้องคนไทยทั้ง 62 ล้านคน หรือแม้สำเร็จก็คงเป็นเพียงบางส่วนไม่สมบูรณ์ตามเป้าหมาย เพราะปัญหาบ้านเมืองเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา นับวันจะมีความซับซ้อนมากขึ้น แก้ปัญหาหนึ่งก็จะไปกระทบอีกปัญหาหนึ่ง การใช้ยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินจึงเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศ
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปัญหาพื้นฐานของพี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า มีปัญหาเช่นเดียวกับคนไทยส่วนใหญ่ที่กำลังประสบอยู่ คือ ปัญหาความยากจน ปัญหาด้านอาชีพ ปัญหาด้านสาธารณสุข การขาดโอกาสทางการศึกษา การขาดแคลนสิ่งสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆ รวมทั้งปัญหาสังคม เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งถือเป็นปัญหาพื้นฐานของประเทศและเป็นปัญหาในระดับรากหญ้า ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงได้มุ่งดำเนินการและให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาเหล่านี้เป็นพิเศษ เพราะตระหนักดีว่าหากทำให้พื้นฐานของประเทศแข็งแรง มีความมั่นคงได้แล้ว ก็จะเป็นฐากรากที่คอยค้ำจุนการพัฒนาส่วนบนของประเทศให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน และมีขีดความสามารถในการแข่งขัน นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อไปว่า ตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ได้พยายามทุ่มเทเวลาในการแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นอันดับแรก ได้แก่ โครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อย โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการกองทุนหมู่บ้าน โครงการธนาคารประชาชน โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ รวมทั้งดำเนินการแก้ปัญหาทางด้านสังคม เช่น การแก้ปัญหายาเสพติด การปฏิรูปการศึกษาการปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูประบบกระบวนการยุติธรรม ส่วนการแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจนั้น รัฐบาลได้ดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยว การจัดตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นต้น
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวกับผู้นำศาสนาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองของเราในวันนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องช่วยกันในฐานะที่เป็นผู้นำศาสนา ซึ่งเชื่อว่าทุกคนมีความรักในแผ่นดินเหมือนกับคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด เมื่อเกิดมาเป็นคนไทย จะต้องรักกัน ปรองดองกัน และจะใช้พลังแผ่นดินในการแก้ไขปัญหาของชาติร่วมกัน พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ได้ขอความร่วมมือจากผู้นำศาสนาทุกคน ได้พยายามหาวิธีการต่าง ๆ ที่จะสามารถช่วยเหลือคนยากจนที่อยู่ในท้องถิ่น ให้มีโอกาสได้สร้างอาชีพ เพื่อสามารถพึ่งพาตนเองได้ อีกทั้งขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาและร่วมกันแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทางภาคใต้ให้คลี่คลายและเบาบางลง เพื่อพี่น้องของเราจะได้อยู่กันอย่างร่มเย็นและมีความสงบสุขตลอดไป.
--สำนักโฆษก--
-สส-
วันนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้นำคณะผู้นำศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเจ้าหน้าที่ รวม 93 คน เข้าเยี่ยมคารวะ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อรับโอวาทและแนวคิดในการปฏิบัติหน้าที่แก่ผู้นำศาสนา ในโอกาสที่เดินทางมาศึกษาดูงานที่กรุงเทพมหานคร
ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้โอวาทว่า อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น ถือเป็นผู้นำของท้องถิ่น เป็นผู้ที่พี่น้องชายไทยมุสลิมต่างให้ความเคารพนับถือและให้ความศรัทธา ซึ่งทุกคนถือเป็นกำลังสำคัญของบ้านเมือง รัฐบาลนี้ได้ใช้ยุทธศาสตร์ “พลังแผ่นดิน” เป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ เพราะตระหนักดีว่า ลำพังคณะรัฐมนตรีเพียง 36 คน ตลอดจนสมาชิกรัฐสภา 700 คน ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร พนักงานรัฐวิสาหกิจและเจ้าหน้าที่ของรัฐอีก 2 ล้านกว่าคน แม้จะทำงานหนักและทุ่มเทเพียงใดก็ยากที่จะแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองให้สำเร็จลุล่วงได้ หากปราศจากความร่วมมือจากพี่น้องคนไทยทั้ง 62 ล้านคน หรือแม้สำเร็จก็คงเป็นเพียงบางส่วนไม่สมบูรณ์ตามเป้าหมาย เพราะปัญหาบ้านเมืองเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา นับวันจะมีความซับซ้อนมากขึ้น แก้ปัญหาหนึ่งก็จะไปกระทบอีกปัญหาหนึ่ง การใช้ยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินจึงเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศ
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปัญหาพื้นฐานของพี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า มีปัญหาเช่นเดียวกับคนไทยส่วนใหญ่ที่กำลังประสบอยู่ คือ ปัญหาความยากจน ปัญหาด้านอาชีพ ปัญหาด้านสาธารณสุข การขาดโอกาสทางการศึกษา การขาดแคลนสิ่งสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆ รวมทั้งปัญหาสังคม เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งถือเป็นปัญหาพื้นฐานของประเทศและเป็นปัญหาในระดับรากหญ้า ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงได้มุ่งดำเนินการและให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาเหล่านี้เป็นพิเศษ เพราะตระหนักดีว่าหากทำให้พื้นฐานของประเทศแข็งแรง มีความมั่นคงได้แล้ว ก็จะเป็นฐากรากที่คอยค้ำจุนการพัฒนาส่วนบนของประเทศให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน และมีขีดความสามารถในการแข่งขัน นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อไปว่า ตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ได้พยายามทุ่มเทเวลาในการแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นอันดับแรก ได้แก่ โครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อย โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการกองทุนหมู่บ้าน โครงการธนาคารประชาชน โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ รวมทั้งดำเนินการแก้ปัญหาทางด้านสังคม เช่น การแก้ปัญหายาเสพติด การปฏิรูปการศึกษาการปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูประบบกระบวนการยุติธรรม ส่วนการแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจนั้น รัฐบาลได้ดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยว การจัดตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นต้น
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวกับผู้นำศาสนาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองของเราในวันนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องช่วยกันในฐานะที่เป็นผู้นำศาสนา ซึ่งเชื่อว่าทุกคนมีความรักในแผ่นดินเหมือนกับคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด เมื่อเกิดมาเป็นคนไทย จะต้องรักกัน ปรองดองกัน และจะใช้พลังแผ่นดินในการแก้ไขปัญหาของชาติร่วมกัน พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ได้ขอความร่วมมือจากผู้นำศาสนาทุกคน ได้พยายามหาวิธีการต่าง ๆ ที่จะสามารถช่วยเหลือคนยากจนที่อยู่ในท้องถิ่น ให้มีโอกาสได้สร้างอาชีพ เพื่อสามารถพึ่งพาตนเองได้ อีกทั้งขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาและร่วมกันแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทางภาคใต้ให้คลี่คลายและเบาบางลง เพื่อพี่น้องของเราจะได้อยู่กันอย่างร่มเย็นและมีความสงบสุขตลอดไป.
--สำนักโฆษก--
-สส-