วันนี้ (๒๔ ก.ย. ๕๘) เวลา ๐๘.๓๐ น. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.) ครั้งที่ ๒๔๗/๒๕๕๗-๒๕๕๘ เพื่อรับทราบปัญหาทางสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และร่วมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและการป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยมีผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวงฯ เข้าร่วมประชุม
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกรณีผู้ปกครองของ ด.ญ. อายุ ๑๓ ปี แจ้งข้อกล่าวหาชายอายุ ๔๒ ปี ว่า หลอกพาลูกสาวไปทำอนาจารล่วงละเมิดทางเพศ แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธ อ้างว่ารู้จักกันทางเฟซบุ๊กตั้งแต่ ๔ ปีก่อน ที่ จ.นนทบุรีนั้น นับว่าเป็นภัยคุกคามทางสังคมที่เกิดจากการใช้สื่อออนไลน์เฟซบุ๊ก และตนมีความห่วงใยเด็กและเยาวชน ทุกคนที่ใช้สื่อออนไลน์ในการติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นที่ไม่รู้จักมาก่อน ดังนั้นจึงมีความระมัดระวังในการใช้สื่อดังกล่าว และผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก และสำหรับ กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมชายอายุ ๓๙ ปี ข่มขืนกระทำชำเราลูกสาวแท้ๆ นานกว่า ๓ ปี ตั้งแต่อายุ ๘ ขวบ โดยครั้งสุดท้ายที่ก่อเหตุข่มขืนเด็กหญิงมีอาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง ปู่และย่าจึงนำส่งโรงพยาบาลตรวจร่างกายและได้ทราบว่า หลานถูกข่มขืน แต่ในเบื้องต้นผู้เป็นพ่อยังปฏิเสธ ที่จังหวัดเชียงราย และกรณีหญิงอายุ ๓๙ ปี ถูกไฟฟ้าดูดเสียชีวิต สามีต้องรับภาระเลี้ยงดูลูก ๔ คน อายุ ๑-๙ ปี ตามลำพัง ที่จังหวัดปราจีนบุรี ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทั้ง ๒ จังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมเร่งเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้เสียหายและครอบครัวอย่างเร่งด่วน
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีหนุ่มพิการขาลีบอายุ ๔๗ ปี ยอดกตัญญู ตระเวนเก็บของเก่าขาย เพื่อหาเลี้ยงครอบครัวกว่า ๒๐ ปี และต้องรับภาระเลี้ยงดูแม่อายุ ๘๗ ปี ที่ป่วยเป็นโรคต้อหิน ที่จังหวัดนนทบุรี และกรณีชาวสังคมออนไลน์แชร์ขอความช่วยเหลือชายวัยรุ่นพิการอายุ ๑๗ ปี ที่ถูกกระสุนปืนปริศนายิงเข้าบริเวณกลางหลังเมื่อ ๔ ปีก่อน กลายเป็นคนพิการอัมพาต ต้องนั่งรถเข็นที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง ครอบครัวมีฐานะยากจน ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทั้ง ๒ จังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการรักษาอย่างต่อเนื่อง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th