ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีต่อการเข้ารับหน้าที่ใหม่ของเอกอัครราชทูตเยอรมนี พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า เอกอัครราชทูตเยอรมนีจะช่วยสนับสนุนความร่วมมือ ตลอดจนส่งเสริมความสัมพันธ์ไทยและเยอรมนีให้ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นต่อไป นายกรัฐมนตรียังได้ชี้แจงที่ถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทย โดยเหตุผลที่เข้ามาบริหารประเทศก็เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไป รวมถึงรักษาผลประโยชน์ของมิตรประเทศ นายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำต่อเอกอัครราชทูตเยอรมนีว่า รัฐบาลได้ดำเนินการตามโรดแมพที่ตั้งไว้และประเทศไทยจะยังคงกลับสู่กระบวนการประชาธิปไตยตามเดิม ซึ่งเอกอัครราชทูตเยอรมนีก็ได้แสดงความเข้าใจ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลเยอรมนีที่มีส่วนในกระบวนการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยที่ยั่งยืนของไทย อาทิ การมีวิทยากรเดินทางมาถ่ายทอดเกี่ยวกับระบบเลือกตั้งของเยอรมนี รวมทั้งการเชิญผู้แทนระดับสูงเยือนเยอรมนีเพื่อศึกษาระบบการเลือกตั้งของเยอรมนีที่กรุงเบอร์ลิน
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตเยอรมนีได้หารือถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีของทั้งสองประเทศ โดยทั้งสองต่างมองว่า ความสัมพันธ์ไทยและเยอรมนีมีต่อเนื่องในความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและวิชาการ แม้ว่าความสัมพันธ์กลไกการหารือทางการเมืองจะลดลง นายกรัฐมนตรีหวังว่า ทั้งสองประเทศจะสามารถกลับมาสานต่อความสัมพันธ์อย่างปกติได้โดยเร็ว ส่วนในช่วงนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้ภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคเอกชนเป็นผู้ขับเคลื่อนความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ พร้อมแสดงความยินดีที่ได้รับทราบว่า เอกอัครราชทูตเยอรมนีได้หารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงหอการค้าไทย และได้พิจารณาการแลกเปลี่ยนการเยือนของภาคเอกชนระหว่างทั้งสองประเทศ เพื่อไม่ให้ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจชะลอตัว
สำหรับความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีขอบคุณเอกอัครราชทูตเยอรมนีที่ช่วยสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีในสาขาต่าง ๆ ให้เป็นรูปธรรมตลอดมา โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนของเยอรมนีในไทย โดยเยอรมนีเป็นมิตรประเทศของไทย ที่เป็นแหล่งเทคโนโลยีชั้นนำด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม การวิจัยและพัฒนา และอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ส่วนเรื่องการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและขนส่งของไทย นายกรัฐมนตรียินดีที่เยอรมนีจะเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลพยายามดำเนินการตามกระบวนการโปร่งใสและเชื่อถือได้ และไทยมุ่งมั่นที่จะสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุน พร้อมยินดีหากภาคเอกชนเยอรมนีจะเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนด้านต่าง ๆ ของไทย อาทิ การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบรถไฟรางคู่ รวมถึงในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย
นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตเยอรมนีได้หารือถึงความสัมพันธ์การอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาทวิภาคีของจะทำให้เยอรมนีมีบทบาทที่โดดเด่นยิ่งขึ้นในไทยและในภูมิภาค เนื่องจากสาขาดังกล่าวได้ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของไทยและเพิ่มโอกาสการทำงาน นายกรัฐมนตรียังกล่าวขอบคุณฝ่ายเยอรมนีที่ให้ความร่วมมือในกรอบอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีไทย – เยอรมัน เพราะอาชีวศึกษาเป็นสาขาความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาทักษะและคุณภาพของแรงงานฝีมือไทยและเสริมสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์การลงทุนของเยอรมนีในระยะยาว ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีหารือกับเอกอัครราชทูตเยอรมนีถึงการจัดตั้งสถานการศึกษาระดับสูงหรือวิทยาลัยที่เน้นให้ผู้เรียนฝึกฝนทางด้านเทคนิคและวิศวกร โดยเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ จึงอยากให้เอกอัครราชทูตเยอรมนีหารือกับรัฐบาลเยอรมนีถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสถานศึกษาดังกล่าว
เอกอัครราชทูตเยอรมนีกล่าวแสดงความขอบคุณรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทยสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น พร้อมยืนยันถึงความร่วมมือที่หลากหลายและครอบคลุมระหว่างกัน ทั้งด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ การท่องเที่ยว และการศึกษา ในส่วนของภาคเอกชน มีบริษัทของเยอรมนีจำนวนมากได้แสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศ ในระดับประชาชน เอกอัครราชทูตเยอรมนียินดีที่ประชาชนของทั้งสองประเทศก็เดินทางไปมาหาสู่กันอย่างสม่ำเสมอ และยินดีที่นักท่องเที่ยวไทยนิยมไปท่องเที่ยวที่เยอรมนีจำนวนมาก นับเป็นการสะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างระหว่างไทยและเยอรมนี เอกอัครราชทูตเยอรมนีหวังว่าทั้งสองประเทศจะสานต่อความร่วมมือในทุกๆด้านให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้นต่อไป ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตเยอรมนีได้ชื่นชมถึงบทบาทไทยในเวทีระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอาเซียน พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยในการสร้างความแข็งแกร่งให้อาเซียนโดยอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th