โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณมูลนิธิต่อต้านการทุจริต หน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และประชาชนที่ได้ร่วมกันดำเนินการในเรื่องการต่อต้านการทุจริตและต่อยอดเรื่องของหมู่บ้านศีล 5 ซึ่งรัฐบาลได้ติดตามความก้าวหน้ามาโดยตลอด รวมทั้งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการทำงานขององค์กรอิสระต่าง ๆ ในทุกเรื่อง ซึ่งปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศไทยมายาวนานทั้งก่อนที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินและจนถึงขณะนี้ก็ยังคงจะต้องดำเนินการต่อในการทำงานของรัฐบาลในทุกมิติ โดยปัญหาที่เกิดขึ้นจะต้องปฏิรูปในหลายด้าน โดยเฉพาะ 11 ด้านที่เป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งขณะนี้ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามการดำเนินการต้องเป็นการสร้างเครือข่ายกับมูลนิธิต่าง ๆ และต้องประกอบกับความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งข้าราชการ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม สถานศึกษา และประชาชนทุกคน ในการที่จะทำให้ประเทศชาติปลอดภัยจากการทุจริตคอร์รัปชั่น และทำให้ประชาชนมีความสุข ประเทศเจริญไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ขณะนี้มีปัญหาหลายประการ รวมไปถึงปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนเกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวทุกประการในการที่สร้างเครือข่ายต่าง ๆ โดยขณะนี้มีแนวทางการแก้ไขปัญหา 3 ด้าน คือ การป้องกัน ปราบปราม และการปลูกจิตสำนึก ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการที่เน้นไปในเรื่องของการปราบปราม แต่วันนี้ต้องดำเนินการให้ครอบคลุมทุกด้าน รวมถึงการดูแลเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียที่มีเนื้อหาที่บิดเบือนทั้งอาจเจตนาและไม่เจตนา ซึ่งจะต้องดำเนินการโดยการป้องกันด้วยการปลูกจิตสำนึกที่ดี ทั้งนี้หากทุกคนร่วมมือกันและหาทางออกในเรื่องดังกล่าวได้อย่างยั่งยืนก็จะสามารถแก้ปัญหาของประเทศได้อย่างยั่งยืนเช่นกัน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของประเทศ “ในการที่จะทำให้ประเทศไทยมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” เพราะฉะนั้นต้องให้คนไทยทุกคนเข้าใจบริบททั้งหมดของประเทศว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง ซึ่งเป็นต้นเหตุของการทุจริต หรือการทำให้ประเทศติดกับดักทุกเรื่องไม่เฉพาะการติดกับดักการเป็นประเทศรายได้ปานกลางเท่านั้น เช่น การติดกับดักประชาธิปไตยมายาวนาน ซึ่งวันนี้เราต้องพยายามเดินหน้าประเทศไปให้ได้
รวมทั้ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่จะทำให้เกิดการทุจริตได้มากที่สุดคือสถาบันครอบครัว ซึ่งทำอย่างไรจะลดเรื่องดังกล่าวได้ โดยลูกต้องไม่ไปรบกวนพ่อแม่จนเกินไป และมีการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต โดยมีการปรับการใช้ชีวิตให้เหมาะสมสอดคล้องกับรายรับรายจ่ายและอัตภาพของตนเอง ขณะเดียวกันสนับสนุนการแก้ปัญหาในเรื่องของการเดินหน้าประเทศของรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล สำหรับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นมาจากความไม่เท่าเทียม ความไม่เป็นธรรม ตลอดจนปัญหาในเรื่องรายได้ของประเทศ รายได้บุคคล และรายได้เกษตรกร ฯลฯ ซึ่งการที่รัฐบาลเข้ามาก็เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ภายใต้ระยะเวลาขณะนี้ที่มีอยู่จำกัด โดยคำนึกถึงประโยชน์ของประชาชนทุกคนและประเทศเป็นสำคัญ เพื่อให้ประเทศพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้เรื่องของการกระทำการทุจริตผิดกฎหมายและการคอร์รัปชั่นนั้น ทำให้ประเทศสูญเสียในหลายเรื่อง ทั้งการสูญเสียเวลา สูญเสียการเป็นประชาธิปไตย ซึ่งเกิดจากความไม่เท่าเทียมโดยคนส่วนน้อยได้ประโยชน์แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์ จึงขอให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจกันให้ครบถ้วน เพราะเรื่องต่าง ๆ มีการเชื่อมโยงกัน ซึ่งหากทุกคนทำให้ครอบครัวมีความเข้มแข็งก็จะทำให้สังคมมีความเข้มแข็งเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากทำให้เยาวชนไทยรู้เท่าทันเรื่องการทุจริตทั้งระบบ โดยเฉพาะเรื่องของระเบียบราชการและกระบวนการเป็นว่าอย่างไรก็จะทำให้สามารถชั่งน้ำหนักได้ถูกต้องว่าควรจะแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งตรงนี้ฝากให้ทุกคนร่วมมือกันในเรื่องของการต่อต้านการทุจริต เพราะวันนี้ต้องเดินหน้าให้เร็วที่สุดภายในระยะเวลาที่กำหนด 18 เดือนที่นายกรัฐมนตรียังบริหารราชการแผ่นดินอยู่ พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวอำนวยพรให้ทุกคนที่เข้าร่วมงานและเป็นผู้ที่มีจิตสำนึกร่วมกันในการที่จะทำให้ประเทศชาติมีความเข้มแข็งปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่นประความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรือง มีสุขภาพที่แข็งแรง และทำให้ประเทศชาติปลอดภัยไปด้วยกัน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th