วันนี้ (5 พ.ย.58) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลแก่นักเรียนที่ได้รับรางวัลสื่อสารคดีและโล่สำหรับโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการจัดนิทรรศการและสื่อสารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ที่คณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี นำโดย รศ. นราพร จันทร์โอชา ภริยานายกรัฐมนตรี ได้จัดขึ้น โดยมี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี คณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการตัดสินผลงานการประกวด เลขาธิการนายกรัฐมนตรี คณะผู้บริหารสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และคณะนักเรียน/อาจารย์ 88 โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ตลอดจน สื่อมวลชน ประมาณ 1,000 กว่าคน มาร่วมงานในครั้งนี้
พลเอกวิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวรายงานว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมกับคณะกรรมการคณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรีจัด “โครงการจัดนิทรรศการและสื่อสารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ”ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 88 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม ๒๕๕๘ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 83 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม ๒๕๕๘ เพื่อเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อทั้งสองพระองค์ที่ทรงอุทิศทุ่มเทพระวรกายด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพื่อความกินดีอยู่ดี และคุณภาพชีวิตที่ดีของปวงชนชาวไทยมาอย่างยาวนาน
ตลอดจนเพื่อเป็นการส่งเสริมค่านิยมของเด็กและเยาวชนไทยให้มีความรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และเผยแพร่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปยังกลุ่มนักเรียนและเยาวชนในระดับสถานศึกษา ชุมชน ท้องถิ่น ชาติอาเซียน และนานาชาติ โดยเปิดโอกาสให้นักเรียน ประชาชนทั่วไป เข้ามามีส่วนร่วมในการคิด การดำเนินการ และรณรงค์กิจกรรมรักในหลวง และนำไปผลิตเป็นสื่อโทรทัศน์และสื่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถซึ่งนายกรัฐมนตรี
ประธานกรรมการคณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี และกรรมการคณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ 88 โรงเรียน และโรงเรียนในประเทศกลุ่มอาเซียน 3 โรงเรียน และรางวัล Popular Vote 1 รางวัล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้แทนคณะกรรมการฯ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี มอบรางวัลสารคดีดีเด่นและสารคดีดีเยี่ยม แก่นักเรียนที่ผลงานได้รับการคัดเลือก รวม 11 รางวัล ดังนี้
รางวัลสารคดีดีเยี่ยม มีจำนวน 5 รางวัล 6 ผลงาน ประกอบด้วย
อันดับ 1 ผลงานเรื่อง “พอเพียงพอใจพ่อ เพียงพอพ่อพอใจ” โรงเรียนกุดสิมวิทยาสาร จังหวัดกาฬสิทธุ์ ได้รับถ้วยรางวัลของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) และเงินรางวัล 10,000 บาท
อันดับ 2 ผลงานเรื่อง “ทฤษฎีของพ่อ” โรงเรียนทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ได้รับถ้วยรางวัลของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) และเงินรางวัล 5,000 บาท
อันดับ 3 ผลงานเรื่อง “ดินสอพอเพียง” วิทยาลัยอาชีวศึกษาสันติราษฎร์ ในพระอุปถัมภ์ กรุงเทพฯ ได้รับถ้วยรางวัลของรองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย) และเงินรางวัล 5,000 บาท
อันดับ 4 ผลงานเรื่อง “ผมชื่อเขียว” โรงเรียนบ้านคลองประทุน จังหวัดตราด ได้รับถ้วยรางวัลของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง) และเงินรางวัล 5,000 บาท
อันดับ 5 มี 2 ผลงาน ได้แก่ ผลงานเรื่อง “ชายขุดดิน” โรงเรียนพิมายดำรงวิทยาคม จังหวัดนครราชสีมา ได้รับถ้วยรางวัลของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และผลงานเรื่อง “ตามรอยพ่อ” โรงเรียนกะทู้วิทยา จังหวัดภูเก็ต ได้รับถ้วยรางวัลของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และเงินรางวัลละ 5,000 บาท
รางวัลสารคดีดีเด่น มี 5 รางวัล ได้แก่
1. ผลงานเรื่อง “มะม่วงของฉัน” โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ กรุงเทพฯ ได้รับถ้วยรางวัลของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) และเงินรางวัล 5,000 บาท
2. ผลงานเรื่อง “ภูเวียง พอเพียงตามรอยเท้า ถักทอภูมิปัญญาท้องถิ่น” โรงเรียนภูเวียงวิทยาคม จังหวัดขอนแก่น ได้รับถ้วยรางวัลของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) และเงินรางวัล 5,000 บาท
3. ผลงานเรื่อง “พื้นที่เล็ก ๆ 1 ตารางเมตร” โรงเรียนบัวหลวงวิทยาคม จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับถ้วยรางวัลของคณะกรรมการคณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี และเงินรางวัล 5,000 บาท
4. ผลงานเรื่อง “หัวใจกระบี่” โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกุล จังหวัดกระบี่ ได้รับถ้วยรางวัลจากคณะกรรมการคณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี และเงินรางวัล 5,000 บาท
5. ผลงานเรื่อง “หัวใจพันธุ์พระราชทาน” โรงเรียนสะเมิงพิทยาคม จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับถ้วยรางวัลของเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และเงินรางวัล 5,000 บาท
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบรางวัลสารคดียอดเยี่ยม ผลงานเรื่อง “ตามรอยเท้าพ่อ” ให้กับโรงเรียนสามัคคีศรีวิชัย จังหวัดลำพูน และเงินรางวัล 30,000 บาท
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีและให้โอวาทแก่คณะครู นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ ว่า การผลิตสื่อสารคดีเฉลิมพระเกียรติฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นกิจกรรมที่ดี เพราะจะทำให้คนไทย โดยเฉพาะคนรุ่นหลัง ได้เข้าใจและรู้จักพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงทำคุณประโยชน์ในการวางพื้นฐานความเข้มแข็งให้กับประเทศ ตั้งแต่ทรงครองราชย์จนถึงปัจจุบัน เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน อาทิ การสร้างความมั่นคงให้กับบ้านเมือง การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมอาชีพเกษตรกรให้มีความรู้ในเรื่องของการเพาะปลูก ฯลฯ ซึ่งทำให้คนไทยได้มีงานทำ มีรายได้ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ หากนำมายึดโยงและเชื่อมต่อจากอดีตไปสู่ปัจจุบัน และต่อเนื่องไปสู่อนาคต
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลได้นำแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการบริหารประเทศ และกำลังดำเนินนโยบายประชารัฐ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ส่งเสริมให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย จัดทำบัญชีครัวเรือนรายรับ รายจ่าย รู้จักวิธีการอดออม ที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามเร่งแก้ปัญหาในทุกมิติ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รับรู้ การแก้ปัญหาบ้านเมืองให้สำเร็จ จึงต้องมีการสร้างความเชื่อมโยง ต้องมีการสร้างจิตสำนึกและหาจุดร่วมกันก่อน ถึงจะเกิดความปรองดอง ที่จะนำไปสู่ความร่วมมือ ในการทำให้ประเทศชาติมีความเข้มแข็งที่ยั่งยืน
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงระบบการศึกษาว่า รัฐบาลกำลังเร่งปรับรูปแบบการศึกษาให้เป็นระบบ เรียนจบแล้วต้องมีงานทำ เพราะการศึกษาคือหัวใจสำคัญที่จะนำพาประเทศชาติให้เดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้ พร้อมกล่าวย้ำว่า รัฐบาลชุดนี้ เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาของประเทศให้มีความเข้มแข็งจากภายในสู่ภายนอก และต้องการขับเคลื่อนประเทศให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศในทุก ๆ ด้าน พร้อมฝากให้เด็กและเยาวชนทุกคนได้นำเอาแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงได้พระราชทานเอาไว้ มาเป็นหลักยึดในการดำเนินชีวิต เพื่อที่จะก้าวเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติในการทำหน้าที่ของพลเมืองที่ดีให้แก่ประเทศชาติต่อไปในอนาคต
ที่มา: http://www.thaigov.go.th