วันนี้ (6 พ.ย.58) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเพื่อขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ ผู้แทนภาคเอกชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม
นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดการประชุมว่า ในช่วงสถานการณ์ที่ผ่านมานั้น โลกในปัจจุบัน นโยบายในการประกอบการค้าการลงทุนของประเทศอื่นมีการปรับตัว เพื่อให้ไปสู่การแข่งขัน เราก็มีความจำเป็นที่ต้องผลักดันเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน และเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่อันดับความเชื่อมั่นของประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมั่นภายในประเทศ ที่ตัวเลขสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อีกทั้งการจัดลำดับความน่าเชื่อถือขององค์กรในต่างประเทศ ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ดังนั้นประเด็นสำคัญในขณะนี้เราต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจในแบบที่เป็นประชารัฐ คือภายในของเราเอง อย่างไรก็ตาม ต้องมีการปรับสมดุลในเรื่องของเศรษฐกิจหลายด้าน ทั้งในธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ และการค้าระหว่างประเทศ โดยประเด็นสำคัญคือการอำนวยความสะดวก ในการลดขั้นตอนการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม ความโปร่งใสในการประกอบการ และที่เป็นรูปธรรมที่สุดคือการขับเคลื่อนด้านการเมือง ในส่วนของคณะรัฐมนตรี ข้าราชการประจำ ตั้งแต่ระดับปลัดกระทรวงลงไป และที่สำคัญที่สุดคือความร่วมมือจากภาคเอกชน ความสนใจจากภาคประชาสังคมและประชาชนโดยรวม ประกอบกันหลายอย่างด้วยกัน นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างความรับรู้ ความเข้าใจให้เกิดความร่วมมือกัน ไม่ใช่การสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นระหว่างกัน รวมทั้งการสร้างความมีเสถียรภาพในการทำงานในเวลานี้ ดังนั้นความมีเอกภาพ ความน่าไว้วางใจ ความน่าเชื่อถืออยู่ที่ความร่วมมือของพวกเราทุกคนที่เป็นคนไทยจริง ๆ เพราะขณะนี้ การเมืองทำให้การทำงานไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีเผยว่า ผลจากการประเมินของธนาคารโลกต่อด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่ถือว่าดี แต่จะต้องสูงขึ้นกว่านี้ ในเรื่องของความยากง่ายในการประกอบการธุรกิจ การขออนุญาต ความเชื่อมั่นในแง่ของข้อกฎหมาย สิทธิประโยชน์หลายรายการ ที่ประชุมในวันนี้ซึ่งมีหน่วยงานตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ทุกหน่วยงานจึงได้หารือร่วมกันเพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น ซึ่งได้เน้นย้ำสาระสำคัญว่าจะทำอย่างไรให้ผลการประเมินดีขึ้นในปีต่อไป โดยในปีนี้ธนาคารโลกได้ประเมินก่อนที่รัฐบาลเข้ามาทำงาน จึงทำให้ผลการประเมินค่อนข้างจะต่ำกว่าเดิมไปในบางเรื่อง ดังนั้นวันนี้ต้องพยายามที่จะยกระดับให้สูงขึ้นให้ได้ การประชุมวันนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อดูเรื่องผลการประเมินให้ดีขึ้น เพราะมีผลกับความเชื่อมั่นในการลงทุนของต่างประเทศในประเทศไทย โดยวันนี้ได้คุยกันเพื่อแก้ไขทั้งหมด ทั้งเรื่องกฎหมาย การบริหารจัดการด้วยนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ครอบคลุมในเรื่องผังเมือง การกำหนดพื้นที่อุตสาหกรรม พื้นที่สีเขียว การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพิเศษ การกำหนดมาตรฐาน อย. กรมศุลกากร การขนส่งทางอากาศ ทางน้ำ โดยได้หารือกันทั้งหมดว่าจะต้องแก้ไขอะไรบ้างทางกายภาพ ทางกฎหมาย ในเชิงการปฏิบัติ และในเชิงนโยบาย ที่วันนี้มีความก้าวหน้าพอสมควร
“อยากจะฝากว่า ทั้งหมดจะทำไม่ได้เลยถ้าความมีเสถียรภาพของประเทศไม่เกิด ความเห็นต่างมีได้แต่อย่ามากระพือให้เป็นเรื่องใหญ่โตไปจนข้างนอกเขาตื่นตระหนกไปหมด นี่คือประเด็นของผม ผมเป็นกังวลในเรื่องความเข้าใจของต่างประเทศกับเรา เพราะเราต้องให้เขามาลงทุนบ้านเรา บ้านเขาสงบนิ่งทั้งหมด ถึงเขาจะขัดแย้งกันเขาก็ไม่ได้กระพือโหมข่าวกันแบบเรา ขอฝากไว้ด้วย” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ข้อสรุปสุดท้ายได้เน้นว่าทั้งหมดที่ทำวันนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายจะดำเนินการ ทั้งหมดที่ผ่านมาไม่ได้ดำเนินการแบบนี้ ทุกกระทรวง ทบวง กรม ทำเป็นแท่งมาโดยตลอด วันนี้จึงได้เน้นเรื่องการบูรณาการ และในเรื่องของการสร้างความเข้มแข็งในช่วงระยะที่ 2 จากนี้ไปถึงกรกฎาคม 2560 จะทำการวางพื้นฐาน วางรากฐานต่าง ๆ ทั้งกฎหมาย ระเบียบวิธีการ การบูรณาการต่าง ๆ ที่จะต้องทำให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th