โฆษกรัฐบาลเผยโครงการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ส่งลงไปในพื้นที่เริ่มที่จะส่งผลให้แล้ว โดยความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น 73%

ข่าวทั่วไป Tuesday November 10, 2015 11:38 —สำนักโฆษก

โฆษกรัฐบาลเผยโครงการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ส่งลงไปในพื้นที่เริ่มที่จะส่งผลให้แล้ว โดยความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น 73% พร้อมยืนยันรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจในการดูแลผู้มีรายได้น้อย และจะพยายามเร่งรัดมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องรวมทั้งการจัดระเบียบสังคมโดยไม่ให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้รับความเดือดร้อน ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้ปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ต้องหมั่นชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงเหตุผลในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลให้ชัดเจน

วันนี้ (10 พ.ย. 58) เวลา 14.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ ถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีปรารภและสั่งการต่อที่ประชุมฯ เกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้นำตัวเลขที่เคยชี้แจงสัปดาห์ที่แล้วว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ในระดับที่เพิ่มขึ้นจากเดิมประมาร 72% กว่า เป็น 73% กว่าซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน นั่นแสดงให้เห็นว่าโครงการมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ส่งลงไปในพื้นที่เริ่มที่จะส่งผลให้เห็นบ้างแล้ว อย่างไรก็ตามการดำเนินการตามโครงการต่าง ๆ เหล่านี้ต้องยอมรับความจริงว่าผลที่เกิดขึ้นดังกล่าวจะส่งผลอย่างต่อเนื่องไปถึงผู้ที่มีรายได้น้อย อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักเล็กน้อย ซึ่งตรงนี้รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องดังกล่าว โดยขณะนี้ได้พยายามเร่งรัดมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเรื่องการจัดระเบียบสังคมด้วย

ทั้งนี้ ผู้ที่มีรายได้ปานกลางกับผู้ที่มีรายได้สูง ส่วนใหญ่รู้สึกพึงพอใจต่อมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจัดระเบียนสังคมของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี สั่งการว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องคำนึงถึงประชาชนผู้มีรายได้น้อยด้วย ในการที่จะต้องดูแลช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นการดูแลช่วยเหลือจะดำเนินการจัดระเบียบเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะจะส่งผลกระทบทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อยได้รับความเดือดร้อน โดยต้องคิดถึงแนวทางการแก้ปัญหาหรือแก้ไขช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยควบคู่ไปด้วย ซึ่งเมื่อจัดระเบียนแล้วตรงนี้ทำให้ไม่สามารถที่จะดำเนินการอยู่ในอาชีพเดิมได้ต้องไปอยู่แห่งใหม่ โดยจะต้องมีการติดตามดูด้วยว่าประชาชนกลุ่มนี้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน ทั้งเรื่องการค้าขาย เป็นต้น โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ใต้ทางด่วนหรือที่ของการรถไฟซึ่งมีอยู่ประมาณ 35,000 กว่าไร่ ปัจจุบันมีการใช้ประโยชน์ไปแค่ 7,000 กว่าไร่ ต่าง ๆ เหล่านี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบเพื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะจัดสรรหรือแบ่งสรรบางส่วนให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยในการที่จะเช่า หรือเช่าชื้อในราคาที่สามารถที่จะผ่อนชำระได้ แต่ต้องเป็นการดำเนินการแบบที่มีสัญญาผูกพันให้ชัดเจน พร้อมทั้งจะต้องมีการชี้แจงเกี่ยวกับมาตรการการจัดระเบียบสังคมให้ประชาชนเข้าใจด้วย เนื่องจากขณะนี้มีประชาชนเป็นจำนวนมากร้องเรียนเข้ามาผ่านช่องทางต่าง ๆ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ในระดับผู้ปฏิบัติที่จะต้องมีการประสานกับประชาชน ส่วนใหญ่จะชี้แจงแบบขอไปที เช่น ระบุว่า คสช. สั่งมาเอาตามนี้แหละ เดี๋ยวรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งค่อยว่ากัน การกระทำเช่นนี้เป็นการโยนภาระกลับมาที่ คสช.อีก ทำให้ปัญหาลักษณะอย่างนี้ไม่จบ

เพราะฉะนั้น นายกรัฐมนตรี จึงสั่งการให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม ดำเนินการกวดขันและทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ในระดับผู้ปฏิบัติ โดยเฉพาะผู้ที่จะต้องประสานกับประชาชนหรือลงไปพบปะพูดคุยกับประชาชนโดยตรงนั้น ควรหมั่นชี้แจงทำความเข้าใจด้วยเหตุผลว่าปัญหาเกิดขึ้นอย่างไร ทำไมรัฐบาล หรือหน่วยงานจะต้องแก้ไขปัญหาอย่างนั้น และเมื่อแก้ไขแล้วจะมีแนวทางที่ดีขึ้นอย่างไร รวมทั้งจะมีมาตรการในการช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบอย่างไร อีกทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวฝากไปถึงหน่วยงานประชาสัมพันธ์ที่อยู่ในระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล ต้องหมั่นชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะหากปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ ปัญหาก็จะไม่จบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ราชการที่เกียร์ว่างระวังจะต้องไปก่อน คสช. ซึ่งตรงนี้ถือเป็นมาตรการในการเร่งรัด ไม่ใช่บริหารกำหนดนโยบายไปเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องติดตามพิจารณาว่าการดำเนินการต่าง ๆ เหล่านั้นเกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากน้อยเพียงใด เจ้าหน้าที่ที่ลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนได้ชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงเหตุผลและหลักการที่ชัดเจนหรือไม่

-------------------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ