วันนี้ (11 พ.ย. 58) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ครั้งที่ 3/2558 ซึ่งสรุปสาระสำคัญของการประชุมฯ ดังนี้
ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ปัจจุบันสังคมยังไม่ได้รับการดูแลเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำอย่างเต็มที่ ซึ่งมีความจำเป็นต้องขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน อีกทั้งเป็นภารกิจที่ซับซ้อนและต้องทำอย่างเชิงลึกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของเด็กเยาวชนที่ด้อยโอกาส ซึ่งประสบอยู่ในปัจจุบัน คณะกรรมการ สสค.ชุดนี้ จึงเห็นความสำคัญในการสนับสนุนให้ทุกคนในประเทศได้รับโอกาสทางการศึกษา และปรารถนาให้ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมมามีบทบาทช่วยเรื่องนี้มากขึ้น
ที่ประชุมได้รับทราบเรื่องโครงการวิจัยพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อหลักประกันโอกาสทางการเรียนรู้ว่า เด็กยากจนเป็นปัญหาอันดับ 1 ของการหลุดออกจากระบบการศึกษา จากผลการวิจัยบัญชีรายจ่ายการศึกษาแห่งชาติของสสค.พบว่า ปัจจุบันรัฐบาลให้เงินอุดหนุนเด็กยากจนชั้น ป.1-ม.3 เพียง 0.5% ของงบประมาณการศึกษาทั้งหมด แต่ยังมีเด็กยากจนที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือเพราะขาดกลไกการค้นหาเด็กยากจนจริงทำให้เงินไปไม่ถึงตัวเด็กยากจนทุกคน นอกจากนี้จำนวนเด็กที่โรงเรียนรายงานมามีมากกว่าเกณฑ์ยากจนจริงกว่า 2 เท่า จึงใช้วิธีจัดสรรงบด้วยระบบโควต้าไม่เกิน 30-40% ของจำนวนนักเรียนทั้งโรงเรียน ทำให้เด็กยากจนจริงไม่ได้รับเงินอุดหนุนเต็มตามอัตราที่กำหนดไว้ เพราะต้องเกลี่ยเงินไปให้เด็กที่ยากลำบากน้อยกว่า และเงินอุดหนุนที่ได้รับก็เป็นการจัดซื้อของซึ่งอาจไม่ตรงตามเป้าหมายของการลดภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนยากจนที่แท้จริง
ทั้งนี้ แนวทางการปฏิรูปเงินอุดหนุนเพื่อเด็กยากจนจึงต้องเปลี่ยนระบบโควตาเงินอุดหนุนเป็นระบบเงินที่จ่ายตรงไปที่ตัวเด็กยากจน โดยต้องมี “ระบบสารสนเทศระดับโรงเรียนเพื่อเป็นเครื่องมือคัดกรองเด็กที่มีความยากจนอย่างแท้จริง” โดยมีการคำนวณเงินอุดหนุนแก่เด็กยากจนในครัวเรือนที่ยากจนที่สุดของประเทศ 20% แรก ครอบคลุมประชากรเด็กยากจนในระบบการศึกษาที่แท้จริงจำนวน 1.5 ล้านคน พร้อมกับติดตามพัฒนาการด้านการเรียนรู้ของเด็กยากจนจนจบการศึกษาภาคบังคับ ดังนั้นจึงต้องมีการจัดทำระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนงบประมาณถึงตัวเด็ก ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ให้ความสำคัญและกำลังดำเนินการร่วมกับ สสค. เพื่อนำงานวิจัยนี้ไปปฏิรูปการจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาให้เข้าถึงตัวเด็กยากจน 1.5 ล้านคนโดยตรงภายในปีการศึกษา 2559 โดยเร็ว
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติเห็นชอบแผนงานยกระดับคุณภาพการเรียนรู้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและพัฒนากำลังคนรองรับเศรษฐกิจฐานราก ในพื้นที่ 4 จังหวัดเขตเศรษฐกิจพิเศษ ได้แก่ จังหวัดตราด สระแก้ว ตาก และหนองคาย โดยการทำงานระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพัฒนาคนรองรับเศรษฐกิจฐานรากด้วย รวมทั้งการเตรียมความพร้อมเยาวชนทั้งในและนอกระบบของพื้นที่ก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพแรงงานการจัดทำฐานข้อมูลตลาดแรงงาน หรือทรัพยากรมนุษย์ในพื้นที่และทิศทางของอาชีพที่ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานในอีก 5 ปีข้างหน้าด้วย
----------------------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
อภินันท์ /รายงาน
ดวงใจ /ตรวจ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th