ดร.พิเชฐ กล่าวว่า ในพิธีเปิดมีหลายท่านกล่าวปาฐกถาได้น่าสนใจ อาทิ นาย ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น พูดถึงเทคโนโลยีอนาคต ของการคมนาคม ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงวัย เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุ เรื่องที่เขาพูดวันนั้นคือ “ยานพาหนะไร้คนขับ” โดยในปี 2020 ซึ่งญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิค ที่นครโตเกียว โดยนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุว่า ผู้ที่จะมาร่วมงานจะได้เห็นและได้ใช้บริการอย่างแน่นอน
อีกตัวอย่างคือ สิ่งที่ที่ปรึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวปาฐกถา โดยมีหลายส่วนที่น่าสนใจ และมีความสอดคล้องกับประเทศไทย 70-80% ทั้งเรื่องความจำเป็นในการมีระบบงบประมาณการลงทุนในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ต้องสอดคล้องกับความต้องการของสังคม และเพียงพอ ที่จะสามารถบรรลุผลได้ นอกจากนี้ยังพูดถึงการริเริ่มพัฒนา STEM Education (S: Science T: Technology E: Engineering และ M: Mathematic) ซึ่งตอนนี้สหรัฐฯ ได้ทำงานไป 3-4 ปี ในการกระจายการพัฒนา ระบบการศึกษาด้วย STEM อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ และได้ยกระดับฝีมือแรงงานด้วยการเพิ่มศักยภาพด้าน STEM นอกจากนี้ยังมีการวางระบบเพื่อให้สภาพแวดล้อมเอื้อต่อผู้ประกอบการรายใหม่ ที่อยู่กับอินเตอร์เน็ต เฟสบุค กูเกิล สามารถประกอบการได้ แม้จะเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยก็ตาม รวมถึงการพัฒนาระบบวิจัยพื้นฐาน ให้มีความโดดเด่นไม่แพ้กับการวิจัยประยุกต์
รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสเป็นประธานการสนทนากลุ่มย่อย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก หัวข้อในการหารือคือเรื่อง “การทูตเชิงวิทยาศาสตร์” และความร่วมมือระหว่างประเทศในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีประเด็นตั้งแต่เรื่องของความร่วมมือระหว่างประเทศ การลดข้อขัดแย้งระหว่างกัน เพราะวิทยาศาสตร์ไม่ได้เข้าข้างใคร มีความร่วมมือไปจนถึงเรื่องของอวกาศ ที่ไม่เพียงแต่ประเทศพัฒนาแล้วเท่านั้นที่จะได้รับประโยชน์ แต่ประเทศกำลังพัฒนาก็เข้ามามีส่วนร่วมได้ นอกจากนี้ยังพูดคุยถึงความจำเป็นในการให้การศึกษา และอบกรมกับบุคลากรที่ในอดีตอาจจะไม่เกี่ยวข้องเลย เช่น ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศให้มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มากขึ้น เพื่อที่จะเอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ไปใช้ในเวทีเจรจาทางการทูต ก็ได้ประโยชน์มาก
นอกจากนี้ รมว.วิทยาศาสตร์ ยังได้เข้าพบและหารือท่านรองผู้ว่าการเมืองเกียวโต Mr.Akimasa YAMASHITA โดยท่านได้นำเสนอแนวคิด Kyoto Smart City เพื่อสร้างสังคมใหม่ ด้วยเทคโนโลยี และให้คนมีสุขภาพดี ท่านรองผู้ว่าฯ ให้ข้อมูลว่าคนเกียวโตอายุเฉลี่ย ผู้หญิง 85 ปี ผู้ชาย 80 ปีขึ้นไป และรัฐบาลใช้เงินกับปัญหาสุขภาพแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ดังนั้นแนวคิด Smart Cityจึงเน้นไปที่จะทำอย่างไรให้ประชาชนมีอายุยืนยาวอย่างมีสุขภาพดี รวมทั้งมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และสิ่งสำคัญที่สุด นอกจากความร่วมือระหว่าง ภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัยในท้องถิ่นแล้ว ประชากรถือเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดในการจะทำให้โครงการ Smart City เกิดขึ้นและสำเร็จได้
ประสานงานได้ที่ กลุ่มงานประชาสัมพันธ์
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3727 - 3732 โทรสาร 0 2333 3834
e-mail : pr@most.go.th
Facebook : sciencethailand Call Center กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โทร.1313
ที่มา: http://www.thaigov.go.th