ภายหลังการหารือ พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ผู้นำทั้งสองฝ่ายต่างแสดงความยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง หลังจากที่เคยมีโอกาสร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 22 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีและชื่นชมต่อความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Pacific Islands Forum (PIF) ครั้งที่ 46 และ Post-Forum Dialogue (PFD) ครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 7-11 กันยายน 2558 และการจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้องในปี 2561 ซึ่งไทยพร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์และสนับสนุนปาปัวนิวกินี ในเรื่องกระบวนการเตรียมการเป็น เจ้าภาพดังกล่าว
ทั้งนี้ ไทยและปาปัวนิวกินีมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด โดยทั้งสองฝ่ายยินดีที่ความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกันมีความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นและขยายในทุกมิติ และเห็นพ้องที่จะร่วมกันพัฒนาความสัมพันธ์ให้ครอบคลุมในทุกมิติมากยิ่งขึ้นต่อไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในด้านการค้า การลงทุน โดยเฉพาะการประมง และความร่วมมือเพื่อการพัฒนาด้านเกษตร ซึ่งนายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินีได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสินค้าการเกษตรของไทย โดยเฉพาะข้าว และสนใจที่จะขอคำแนะนำในการปลูกข้าว เพื่อส่งเสริมการปลูกข้าวขอปาปัวนิวกินี โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณปาปัวนิวกินี ที่ให้การสนับสนุนสั่งซื้อข้าวจากไทย ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจในคุณภาพข้าวไทย ซึ่งเป็นข้าวชั้นเยี่ยมของโลก นอกจากนี้ ไทยยังมีสินค้าเกษตรประเภทอื่นๆ ที่ขอให้ปาปัวนิวกินีพิจารณาสั่งซื้อเพิ่มเติม
ผู้นำทั้งสองยินดีที่ไทยและปาปัวนิวกินี ได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการประมง เนื่องจากปาปัวนิวกินี มีทรัพยากรประมงที่อุดมสมบูรณ์ ประกอบกับไทยมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมการประมง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความร่วมมือด้านประมงระหว่างกัน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือความสัมพันธ์ในมิติอื่นๆ เช่น การส่งเสริมความร่วมมือด้านวิชาการ ตลอดจนการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณที่ปาปัวนิวกินีให้การดูแลภาคเอกชนไทยที่เข้าไปลงทุน โดยไทยประสงค์จะให้ปาปัวนิวกินีเป็นศูนย์กระจายสินค้าและเป็นแหล่งลงทุนของภาคเอกชนไทยในอุตสาหกรรมประมงต่อเนื่อง
ไทยสนับสนุนปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างอาเซียนกับปาปัวนิวกินีในฐานะผู้สังเกตการณ์พิเศษของอาเซียน และยินดีที่ปาปัวนิวกินีมีความสนใจที่จะสมัครเป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งการรับสมาชิกใหม่ของอาเซียนจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ระบุไว้ในกฎบัตรอาเซียน
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี ยังได้กล่าวถึงความสำคัญถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลประทบต่อประเทศในหมู่เกาะเอเชียแปซิฟิกและภูมิภาคอาเซียน โดยจะมีการหารือในการประชุมระดับผู้นำ ณ กรุงปารีส ในปลายเดือนนี้
นายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี ได้แจ้งความประสงค์ที่จะเปิดสถานเอกอัครราชทูตปาปัวนิวกินี ในประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวยินดีและรู้สึกเกียรติ
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศ ยังได้ต่างเชิญชวนเยือนประเทศซึ่งกันและกันในโอกาสแรกที่สะดวก
******************************
กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ / สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th