วันนี้ (18พ.ย.58) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 11/2558 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผลการประชุมสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม กขร. ได้มีการหารือในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการทำความเข้าใจในกรอบการทำงานระหว่างส่วนราชการระดับกระทรวงกับรัฐบาล เพื่อทำให้การขับเคลื่อนงานของรัฐบาลในช่วงระยะที่ 2 (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2558 – เดือนกรกฏาคม 2560) ซึ่งได้มีการแบ่งการบริหารราชการแผ่นดินและการปฏิรูปประเทศออกเป็น 4 ระยะ ก่อนที่จะส่งต่อการบริหารราชการแผ่นดินให้แก่รัฐบาลชุดต่อไปในระยะที่ 3 (เดือนสิงหาคม 2560 เป็นต้นไป) ตามกรอบการทำงานของรัฐบาล ( road map) ที่นายกรัฐมนตรี กำหนดไว้ โดยการขับเคลื่อนการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันในระยะที่ 2 มีดังนี้
ระยะที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2558 – 30 มีนาคม 2559 กรอบการดำเนินการคือ การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและการขับเคลื่อนการปฏิรูประยะที่ 1 โดยมอบหมายให้ทุกส่วนราชการดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินการของหน่วยงาน
ระยะที่ 2 ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2559 – 30 กันยายน 2559 กรอบการดำเนินการคือ การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและการขับเคลื่อนการปฏิรูประยะที่ 2 โดยให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินการของหน่วยงาน
ระยะที่ 3 ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2559 – 31 มีนาคม 2560 กรอบการดำเนินการคือให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินการของหน่วยงาน พร้อมทั้งจัดทำสรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเพื่อเตรียมส่งต่อให้รัฐบาลชุดต่อไป
ระยะที่ 4 ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2560 – 30 มิถุนายน 2560 กรอบการดำเนินการคือ การส่งต่อการบริหารราชการแผ่นดินให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามารับช่วงต่อจากรัฐบาลชุดนี้ โดยจัดทำเป็นประเด็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องดำเนินการและกำหนดกลไกในการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง
พร้อมทั้ง ได้ชี้แจงเกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของ กขร. โดยสรุปคือ กขร.จะเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อกับงานขับเคลื่อนและงานปฏิรูปที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมอบหมาย ซึ่งเมื่อวานนี้ (17พ.ย.58) คณะรัฐมนตรี ได้มีมติมอบหมายงานทั้ง 6 ด้านให้กับรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีรองเป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน ในแต่ละด้าน ประกอบด้วย คณะที่1 คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และระบบการศึกษา มีพลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานฯ คณะที่2 คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านเศรษบกิจ การเงิน การคลัง และการลงทุนภาครัฐ และโครงสร้างพื้นฐาน มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานฯ คณะที่3 คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านระบบราชการ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และสร้างความปรองดองสมานฉันท์ มี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานฯ คณะที่4 คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านสาธารณสุข มีพลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานฯ คณะที่ 5 คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ มีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานฯ คณะที่6 คระกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และกีฬา มีพลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานฯ ทั้งนี้ การชี้แจงเกี่ยวกับบทบาทของ กขร. ให้กระทรวงต่าง ๆ ได้รับทราบก็เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่สอดคล้องตรงกันในการที่จะทำงานขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและเพื่อให้การปฏิรูปประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ทุกกระทรวงไปจัดทำแผนปฏิบัติการในช่วงระยะที่ 2 ของการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดนี้ (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2558 – เดือนกรกฏาคม 2560) ซึ่งแผนปฏิบัติการดังกล่าวจะต้องยึดและเชื่อมโยงกับการบริหารราชการแผ่นดินและการปฏิรูปประเทศด้วย อย่างไรก็ตามการดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการครั้งนี้ทางฝ่ายเลขานุการ กขร. จะไปดำเนินการจัดทำกรอบหรือแบบฟอร์มของการจัดทำแผนเพื่อให้ทุกกระทรวงได้ดำเนินการและจัดทำออกมาเป็นในทิศทางเดียวกันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล เพื่อจัดส่งให้ฝ่ายเลขาฯ ภายในวันที่ 14 ธันวาคม 2558 นี้
พร้อมทั้งที่ประชุมได้มีการติดตามในประเด็นเรื่องสำคัญ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 และเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2559 โดยเฉพาะการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐและการลงทุนในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ถือเป็นหัวใจสำคัญในช่วงนี้ในการที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยที่ประชุมได้รับทราบรายงานจากสำนักงบประมาณว่า การเบิกจ่ายงบฯ สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดถึงร้อยละ 3.6 ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตามได้กำชับเพิ่มเติมว่ากรณีของงบฯ ใช้จ่ายลงทุน อาจต้องเร่งรัดดำเนินการเพราะถือเป็นเรื่องสำคัญของการใช้จ่ายภาครัฐ
รวมทั้ง ที่ประชุมได้ติดตามเรื่องโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชน (โครงการตำบลละ 5 ล้านบาท) งบฯ โดยประมาณ 39,000 ล้านบาท ขณะนี้ได้ส่งคำขอมาแล้ว ประมาณ 36,000 ล้านบาท และดำเนินการจัดสรรให้แล้วประมาณ 23,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือสำนักงบประมาณกำลังอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดของโครงการอยู่ ซึ่งจากนี้ก็จะดำเนินการเร่งรัดเบิกจ่ายต่อไป สำหรับโครงการการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็ก จำนวน 40,000 ล้านบาท ขณะนี้ได้รับอนุมัติไปแล้วประมาณ 22,000 ล้านบาท เบิกจ่ายงบฯ แล้วประมาณ 1,034 ล้านบาท อย่างไรก็ดียังเห็นว่าเบิกจ่ายยังล่าช้าอยู่ซึ่งก็จะไปเร่งรัดกระทรวงที่มีโครงการขนาดเล็กต่อไป
อีกทั้ง ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับเรื่องการเตรียมการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลครบรอบ 1 ปี ซึ่งคาดว่าจะมีการแถลงประมาณปลายเดือนธันวาคม 2558 ณ ตึกสันติไมตรี โดยต้องรอให้นายกรัฐมนตรี พิจารณากำหนดและเห็นชอบวันที่ชัดเจนก่อน สำหรับการจัดแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลครบรอบ 1 ปี ครั้งนี้จะจัดขึ้น จำนวน 3 วัน โดยวันแรกของการแถงผลการดำเนินงานฯ นายกรฐมนตรี จะเป็นประธานกล่าวเปิด พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการผลการดำเนินงานของกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาล ที่ได้จัดแสดงไว้ ก่อนมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี แถลงผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลต่อไป รวมทั้งในหว่างการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลทั้ง 3 วัน จะมีการจัดอาหารกลางวันสำหรับให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกับสื่อมวลชนได้รับประทานร่วมกันด้วย โดยในวันที่ 3 ของการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้กล่าวสรุปผลการดำเนินงานของรัฐบาลอีกครั้ง
------------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th