ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงประเด็นความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐฯ ในด้านการศึกษา พลังงาน และเทคโนโลยี ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังพัฒนาทั้ง 3 ด้าน เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในประเทศ รวมทั้งกระจายความเจริญไปสู่ท้องที่ในชนบท
ด้านการศึกษา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยกำลังปฏิรูประบบการศึกษา โดยกระจายการศึกษาไปสู่พื้นที่ที่ห่างไกล นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือจากสหรัฐฯ ในการศึกษาเรื่อง STEM Education ซึ่งเน้นเรื่องวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกร และคณิตศาสตร์ โดยคาดว่าจะหารือกับมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ ในปีหน้า ขณะที่เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวยินดีที่จะให้ความร่วมมือและให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ไทยและสหรัฐฯ มีโครงการร่วมมือทางด้านนี้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งนักเรียนนักศึกษาไทยเดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐฯต่อเนื่องทุกปี นอกจากนี้ นักเรียนไทยยังมีความรู้ความสามารถในด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง
ด้านพลังงาน รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยกำลังศึกษาและเร่งปรับปรุงพัฒนาในด้านนี้ โดยเฉพาะการนำเข้าพลังงาน การเก็บสำรองพลังงาน รวมถึงการอนุรักษ์พลังงาน และสรรหาพลังงานทางเลือกเพื่อนำมาใช้ในอนาคต ซึ่งรัฐบาลได้มีการจัดทำแผนแม่บท (Master Plan) สำหรับพลังงานต่างๆ อาทิ แก๊ส น้ำมัน รวมถึงพลังงานทางเลือก เพื่อวางแผนการดำเนินงานในอนาคตสำหรับการบริหารจัดการด้านพลังงาน ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในประเทศ นอกจากนี้ ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติในการเข้ามาสำรวจและดำเนินธุรกิจด้านพลังงานในประเทศไทยด้วย ด้านเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวว่า พลังงานเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งและยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือในด้านพลังงานทางเลือกแก่ไทย
ด้านเทคโนโลยี รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยมีแผนที่จะกระจายความเจริญไปสู่ทุกพื้นที่ในประเทศไทย ด้วยจัดตั้งเครือข่ายอินเตอร์เน็ต รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ Data Center เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน ทั้งนี้อีกทั้งเป็นการพัฒนาทางด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงควบคู่กันไปด้วย นอกจากนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้จัดทำโครงการ Smart Thailand โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยยกระดับประเทศไทย ให้เป็นประเทศอัจฉริยะเพื่อก้าวไปสู่สังคมดิจิตอลตามมาตรฐานสากล ซึ่งด้านเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวชมโครงการนี้ และมีความเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก
ในตอนท้าย เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับและได้เข้าพบหารือ ทั้งนี้ หวังว่าจะมีโอกาสได้หารือถึงความร่วมของมือทั้งสองฝ่ายในอนาคตต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th