นอกจากนี้ ประชาชนที่มีอายุ 15-60 ปี สามารถวางแผนการออมเงินเพิ่มเติม เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงภายหลังเกษียณอายุ โดยสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ แล้ววางแผนจัดสรรเงินในแต่ละเดือนเพื่อออมในกองทุนฯ ซึ่งขณะนี้มียอดผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนฯ แล้วกว่า 360,000 คน คิดเป็นยอดวงเงินฝากรวม 388,258,243 บาท ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน โทร.1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนทุกคนโดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้พิการ โดยประมาณการว่าในปี 2568 สังคมไทยจะก้าวสู่สังคมสูงวัย มีจำนวนผู้สูงอายุมากกว่า 15 ล้านคน ท่านจึงได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาและจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้สูงวัยโดยเฉพาะผู้ยากไร้ และกำหนดมาตรการกำกับให้ผู้สูงวัยใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง ไม่สูบบุหรี่ หรือดื่มสุรา เป็นต้น”
ที่มา: http://www.thaigov.go.th