นายกรัฐมนตรีย้ำ ไทยพร้อมเป็นเพื่อนบ้าน และหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ดีในภูมิภาค และประชาคมโลก เพื่อให้โลกในอีก 15 ปี ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน

ข่าวทั่วไป Monday November 23, 2015 10:51 —สำนักโฆษก

วันนี้ (23 พฤศจิกายน 2558) เวลา 09.30 น. ณ ห้องรอยัล ออร์คิด บอลรูม โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับและแสดงวิสัยทัศน์ทิศทางการพัฒนาของประเทศไทย ในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการและนิทรรศการระหว่างประเทศ เพื่อผลักดันแนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ ครั้งที่ 2 (ICAD 2)

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา องค์ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดนิทรรศการด้านการพัฒนาทางเลือก ณ ลานแสดงนิทรรศการ โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน และทรงมีพระดำรัสเปิดการประชุมฯ

นายกรัฐมนตรีกล่าว ในนามรัฐบาลไทย ยินดีที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างประเทศ และกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ และนิทรรศการระหว่างประเทศ เพื่อผลักดันแนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ การประชุมในครั้งนี้ ถือเป็นการประชุมที่ให้ทั้งทฤษฎีและแนวทางการปฏิบัติ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ภายหลังจากการที่ประชาคมโลกได้รับรองวาระการพัฒนาใหม่ การพัฒนาทางเลือกเป็นรูปแบบหนึ่งของการพัฒนาชุมชน ที่มีจุดมุ่งหมายให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เคารพในสิทธิของผู้อื่น และคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมจากยุคโลกาภิวัฒน์ทำให้เกิดการเชื่อมโยง และเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความท้าทาย และปัญหาต่างๆมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ โอกาสในการเข้าถึงทรัพยากร ผู้ด้อยโอกาสยังไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุข การศึกษา และความคุ้มครองทางสังคมได้อย่างทั่วถึง ประชาชนยังมีปัญหาเชิงคุณภาพทั้งด้านสุขภาพ การเรียนรู้ คุณธรรม และจริยธรรมถดถอยลงในสังคมไทย การแพร่ระบาดยาเสพติดในหมู่เด็กและเยาวชนทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นปัญหาสำคัญในการพัฒนาประเทศ

รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาส และการเข้าถึงแหล่งทรัพยากรอย่างเท่าเทียมกัน โดยกำลังเดินหน้าวางรากฐานการพัฒนา รวมทั้งวางแผนการปฏิรูปประเทศอย่างรอบด้าน ด้วยการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศ เปิดโอกาสการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวาง ตามวิสัยทัศน์ของประเทศ 2015-2020 “ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง ประชาคมยั่งยืน”

ในการพัฒนาประเทศ รัฐบาลยึดแนวคิด “คนเป็นศูนย์กลาง” เนื่องจากคนเป็นสาเหตุหลักและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งรัฐบาลเน้นการพัฒนาแบบบูรณาการ และเป็นองค์รวม เพื่อให้เกิดความสมดุล โดยได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง มีความพอประมาณ มีเหตุมีผล และมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี

ทั้งนี้ ความเหลื่อมล้ำ ทำให้คนต้องดิ้นรนเพื่อการดำรงชีพ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนหันหน้าเข้าหายาเสพติด อาชญากรรมที่เกี่ยวกับยาเสพติดนั้นมีความเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมในรูปแบบอื่นๆ โดยเฉพาะอาชญากรรมข้ามชาติ และอาชญากรรมเศรษฐกิจ ดังนั้น การแก้ไขปัญหายาเสพติดจำเป็นที่ต้องได้รับการแก้ไขจากพื้นฐาน นั่นคือ ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในสังคม รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกัน พัฒนาคุณภาพชีวิต และเมื่อแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร ก็จะทำให้เกิดความมั่นคงตามมา

กว่า 50 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหาการลักลอบปลูกฝิ่น โดยชาวเขาเผ่าต่างๆ ในภาคเหนือบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ โดยในปี พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จัดตั้งมูลนิธิโครงการหลวงพัฒนาชาวเขา อาศัยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ ส่งเสริมให้ปลูกพืชเศรษฐกิจ สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมและผืนป่า และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่น พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันในชุมชน และมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจของชุมชน

โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำว่า รัฐบาลพร้อมเป็นเพื่อนบ้าน และหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ดีในภูมิภาค และประชาคมโลก เพื่อให้โลกในอีก 15 ปี ปราศจากความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ประชาชนมีความเข้มแข็ง ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน นอกจากนี้รัฐบาลยังมีนโยบายที่จะร่วมสร้างสังคมนานาชาติที่มีคุณภาพชีวิต โดยประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาคสามารถเชื่อมโยง และร่วมกันพัฒนาศักยภาพ และเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาข้ามชาติ ปัญหายาเสพติด การก่อการร้าย การสาธารณสุข และการเตรียมรับมือกับความพร้อมต่อภัยพิบัติ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่จะสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม อย่างยั่งยืนในภูมิภาคนี้

การพัฒนาถือเป็นรากฐานของทุกสิ่ง โดยตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ไทยให้ความสำคัญกับแนวทางการพัฒนาทางเลือกอย่างยั่งยืน เนื่องจากเป็นต้นแบบที่เห็นได้ชัดอย่างเป็นองค์รวมถึงการเจริญเติบโต ทั้งทาง ด้านเศรษฐกิจ สังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม ผ่านการสร้างงานที่มีคุณค่า ส่งเสริมการศึกษา ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม

นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า หากทุกคนช่วยกัน ตามลักษณะประชารัฐ เริ่มจากทำให้ชุมชน ท้องถิ่น และประเทศมีความเข้มแข็ง สร้างความเชื่อมโยง ช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาค จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำภายในประเทศ ลดช่องว่างในการพัฒนาระหว่างประเทศ และช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถขจัดความยากจนได้เร็วขึ้น และจะช่วยให้เกิดการแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างยั่งยืนต่อไป

นอกจากนี้ ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ถือเป็นแนวทางที่สำคัญ ซึ่งรัฐบาลส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการดำเนินกิจกรรมการพัฒนาในทุกมิติ

โดยในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวอวยพรให้การประชุมประสบผลสำเร็จ และบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ทุกประการ

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ