รองนายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ได้หารือกันถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและไอร์แลนด์ โดยรองนายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ต่างแสดงความยินดีที่ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นมาตลอด 40 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-ไอร์แลนด์ และรองนายกรัฐมนตรียินดีที่ไอร์แลนด์ได้เปิดสถานเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทยแบบถาวรที่กรุงเทพฯ ซึ่งทางเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์หวังว่าไทยจะพิจารณาเปิดสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงดับลิน เพื่อผลักดันความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้เป็นครอบคลุมยิ่งขึ้น
เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์กล่าวว่า ไทยและไอร์แลนด์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยเฉพาะทางด้านการศึกษา โดยกระทรวงศึกษาธิการของไทยกับกระทรวงศึกษาธิการและทักษะของไอร์แลนด์ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2558 และไอร์แลนด์ได้มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนไทยจำนวนสองทุนในปีที่ผ่านมา สำหรับทางด้านการท่องเที่ยว ในปี 2557 มีนักท่องเที่ยวไอริชเดินทางมาประเทศไทย ประมาณ 6 หมื่นคน ซึ่งนับได้ว่าเป็นสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรไอร์แลนด์ที่มีเพียง 4.6 ล้านคน ในขณะที่นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปไอร์แลนด์ประมาณ 900 คน ซึ่งนับว่าสัดส่วนยังน้อยอยู่ เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์จึงหวังว่ารัฐบาลจะส่งเสริมให้คนไทยไปเที่ยวไอร์แลนด์มากขึ้น เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระดับประชาชนต่อประชาชนให้เพิ่มมากขึ้น
ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรียังได้หารือกับนาย Damian O'sullivan ประธานบริหารมูลนิธิ European Computer Driving Licence (ECDL) ซึ่งเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรที่มีการวัดระดับความรู้ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ด้วยมาตรฐานสากลของยุโรปและเป็นผู้ประสานงานของวุฒิบัตรรับรองความสามารถคอมพิวเตอร์สากล (International Computer Driving License-ICDL) ซึ่งเป็นโปรแกรมทดสอบความรู้ความชำนาญทางด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ระดับสากล ประธานบริหารมูลนิธิ ECDL กล่าวว่า ในยุคปัจจุบันความรู้ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์มีความสำคัญในทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน รวมถึงสถานศึกษา ECDL และ ICDL จึงมีจุดมุ่งหมายร่วมกันที่จะยกระดับความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและเพิ่มขีดความสามารถการใช้คอมพิวเตอร์สำหรับการใช้งานทั่วไปของประชากรทุกคนในโลกให้ได้มาตรฐานคุณภาพเดียวกัน โปรแกรม ICDL ได้รับการยอมรับและแพร่หลายอย่างกว้างขวางทั้งในหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาทั่วโลก ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ รวมถึงภาษาไทย
ทางด้านรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โปรแกรม ICDL มีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะช่วยยกระดับความสามารถบุคลากรและเพื่อเพิ่มคุณภาพและผลผลิตโดยรวมขององค์กร ซึ่งนำไปสู่การเสริมสร้างบุคลากรที่มีทักษะความรู้ความสามารถในการใช้ ICT ได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ จะช่วยเพิ่มศักยภาพของประชากร เพิ่มผลผลิตรวมของประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศได้ สอดคล้องกับนโยบายดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่รัฐบาลกำลังผลักดัน รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะไปหารือเพิ่มเติมกับกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th