เอกอัครราชทูตแอลจีเรียเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี

ข่าวทั่วไป Friday November 27, 2015 15:39 —สำนักโฆษก

วันนี้ (27 พ.ย. 2558) เวลา 15.00 น. นายนัศริดดีน ริมูช (H.E. Mr. Nasreddine Rimouche) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่เอกอัครราชทูตฯ เดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายอักษรสาส์นตราตั้งเป็นเอกอัครราชทูตวิสามัญ ผู้มีอำนาจเต็มประจำประเทศไทย ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

ภายหลังการหารือ พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตแอลจีเรียฯและขอแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตแอลจีเรียฯ ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตแอลจีเรียฯได้แจ้งต่อนายกรัฐมนตรีว่า ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของแอลจีเรียได้ฝากความระลึกถึงมายังนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้ฝากความระลึกถึงไปให้ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของแอลจีเรียเช่นกัน นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตแอลจีเรียฯได้หารือถึงความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยทั้งสองฝ่ายต่างรู้สึกยินดีที่ปี 2558 เป็นการครบรอบ 40 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับแอลจีเรีย นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตแอลจีเรียต่างหวังว่า ประชาชนของทั้งสองประเทศจะเดินทางท่องเที่ยวและไปมาหาสู่ระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น

นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตแอลจีเรียฯยังได้หารือถึงความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แอลจีเรียเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทยในภูมิภาคแอฟริกา และแอลจีเรียเป็นหนึ่งในแหล่งนำเข้าพลังงานที่สำคัญของไทย โดยเฉพาะปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลแอลจีเรียที่ให้การสนับสนุนบริษัทไทยที่ได้เข้าไปลงทุนด้านพลังงานในแอลจีเรีย ทางด้านเอกอัครราชทูตแอลจีเรียฯกล่าวว่า แอลจีเรียเห็นไทยเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยปัจจุบันรัฐบาลแอลจีเรียได้มีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ การพัฒนาการเกษตร การท่องเที่ยว พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาอุตสาหกรรมในภาพรวมและอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกพลังงานซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตแอลจีเรียฯได้เชิญชวนนักธุรกิจไทยไปร่วมลงทุนในแอลจีเรียเพิ่มมากขึ้น และด้วยศักยภาพของแอลจีเรียที่เป็นประเทศขนาดใหญ่ที่สุดในแอฟริกาเหนือและมีที่ตั้งติดกับทวีปยุโรป แอลจีเรียจึงสามารถเป็นประตูสำหรับสินค้าไทยไปสู่แอฟริกาเหนือและยุโรปได้ ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีเห็นด้วย และมองว่าควรให้นักธุรกิจไทยไป Roadshow ที่แอลจีเรีย และนักธุรกิจแอลจีเรียมาRoadshowที่ไทยด้วย เพื่อที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถขยายโอกาสในการดำเนินธุรกิจการค้าการลุงทุนระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตแอลจีเรียฯ ได้หารือถึงความเป็นไปได้ที่ไทยจะพิจารณาเปิดสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ในแอลจีเรีย เพราะปัจจุบัน ไทยมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส มีเขตอาณาครอบคลุมแอลจีเรีย ส่วนฝ่ายแอลจีเรียมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูตแอลจีเรียประจำมาเลเซีย มีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศของไทยกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ดังกล่าวอยู่ ซึ่งทางเอกอัครราชทูตแอลจีเรียฯได้แสดงความเข้าใจ

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ