รองนายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายพร้อมเดินหน้าสนับสนุนความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ต่อไป เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศและภูมิภาคโดยรวม
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้แจ้งถึง roadmap และกรอบเวลาการดำเนินการของการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามระยะเวลา 6-4-6-4 คือ ครอบคลุมระยะเวลาสำหรับการร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จ การจัดทำประชามติ การจัดทำกฎหมายลูกเพื่อประกอบการเลือกตั้งและระยะเวลาสำหรับการจัดการเลือกตั้งทั่วไป
นอกจากนี้ มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงออกในเชิงวิชาการ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า รัฐบาลสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน และไม่ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์ในแวดวงวิชาการและสถาบันการศึกษา แต่ไม่สนับสนุนการแสดงความคิดเห็นเชิงสร้างความขัดแย้งในสังคม
ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตสวีเดน ได้แสดงความสนใจเกี่ยวกับประเด็นเรื่องการส่งเสริมบทบาทสตรีในการมีส่วนร่วมพัฒนาของประเทศ โดยรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญต่อประเด็นนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งในปีนี้รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ (Gender Equality Act) เพื่อส่งเสริมการปกป้องสิทธิสตรีในรูปแบบกลไกกฏหมาย รวมถึงให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ
ในตอนท้าย รองนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลกำลังมุ่งดำเนินการตาม Roadmap โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การสร้างประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนและการปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะเป็นการวางฐานสำหรับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลต่อไปบนหลักการ นิติธรรม (rule of law) ธรรมภิบาล (good governance) และความรับผิดชอบต่อสังคม (social responsibility)
ที่มา: http://www.thaigov.go.th