โดยในที่ประชุมฯ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ชี้แจงการดำเนินงานตามมาตรการที่ 4 ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการหน่วยงานต่างๆ เพื่อสำรวจความต้องการของประชาชนตามโครงการพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนด โดยการดำเนินงานที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้มีการประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อหารือในการจัดทำข้อมูลสำคัญในการดำเนินงาน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่และประชาชนที่ประสบภัยแล้ง การเพาะปลูก ลักษณะการประกอบอาชีพของประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง ข้อมูลเกี่ยวกับราคา จำนวนสินค้า และตลาดงานบริการที่ต้องการในพื้นที่จังหวัด กลุ่มจังหวัดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งให้จังหวัดดำเนินการต่อไป
และขณะนี้กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำคู่มือการดำเนินงานตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง ปี 2558/59 เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานไว้ 3 ประการ คือ 1. น้อมนำหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องระเบิดจากข้างในที่ทรงให้ประชาชน คิด เลือก ตัดสินใจ แก้ไขปัญหา และดำเนินงานตามความสมัครใจของตนเองให้เหมาะสมและยั่งยืน โดยถือเป็นเป้าหมายสำคัญที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยในการน้อมนำแนวทางพระราชทานในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม 2. เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล ลดปัญหาความขัดแย้งจากการแย่งน้ำในพื้นที่ และ 3. สร้างโอกาสในการปรับเปลี่ยนอาชีพและโครงสร้างการผลิตที่เหมาะสมโดยเป็นไปตามความสมัครใจของประชาชน โดยมีหลักการดำเนินงาน คือ การเปิดโอกาสให้ภาคประชาชน และภาคธุรกิจเอกชนมาร่วมกับภาคราชการในรูปแบบ "ประชารัฐ" เพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และสนับสนุนงบประมาณในรูปแบบเงินอุดหนุน ผ่านองค์กรภาคประชาชน โดยมีหน่วยงานราชการเป็นผู้กำกับติดตามให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางราชการเพื่อความโปร่งใส โดยคำนึงถึงเหตุผลความจำเป็นของการดำเนินโครงการและการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
สำหรับขั้นตอนการดำเนินงาน ภายหลังจากที่กระทรวงมหาดไทยได้แจ้งแนวทางการดำเนินงานและข้อมูลสำคัญให้ทุกจังหวัดทราบเพื่อใช้เป็นกรอบการทำงานและถือปฏิบัติแล้ว จังหวัดจะทำหน้าที่ตรวจสอบเปรียบเทียบข้อมูลจากส่วนกลาง และข้อมูลที่เป็นความต้องการของพื้นที่ โดยจัดตั้ง "ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาวิกฤติภัยแล้งระดับจังหวัด” ซึ่งจะมีหน่วยงานราชการ ภาคประชาชน ภาคธุรกิจเอกชน เข้ามามีส่วนร่วม โดยแบ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนการผลิต มีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชนที่มีองค์ความรู้ด้านการเกษตรและการประกอบอาชีพ ทำหน้าที่สนับสนุนปัจจัยการผลิต ให้ความรู้ และหาช่องทางลดต้นทุนการผลิตหรือการเพาะปลูกพืชชนิดใหม่ และ ฝ่ายสนับสนุนการตลาดมีกระทรวงพาณิชย์ หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง หอการค้า หรือองค์กรธุรกิจเอกชน ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลราคา และปริมาณสินค้า หรืองานบริการที่ตลาดต้องการ รวมทั้งแสวงหาข้อมูลการตลาดใหม่ๆ เพื่อจัดทำข้อมูลต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดที่ถูกต้อง ส่งให้อำเภอและทีมประเทศไทยระดับตำบล นำเสนอให้แก่เกษตรกรได้นำไปประกอบการตัดสินใจที่จะเลือกปลูกพืชชนิดใหม่ หรือเปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่นตามข้อมูลที่ทีมประเทศไทยระดับตำบลนำเสนอ ทำให้เกษตรกรเกิดความมั่นใจว่าผลผลิตที่ได้จากการปรับเปลี่ยนจะมีตลาดรองรับ และยอมรับคำแนะนำ หรือทำตามแนวทางที่ราชการขอความร่วมมือ ซึ่งจะช่วยให้ปัญหาความขัดแย้งในการแย่งน้ำหมดไปและเป็นไปตามเป้าหมายในการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร
จากนั้น ทีมประเทศไทยระดับตำบลจะรวบรวมจัดทำเป็นแผนพัฒนาอาชีพฯ รวบรวมส่งให้คณะกรรมการกลั่นกรองระดับอำเภอ เสนอให้จังหวัดเพื่อรวบรวมโครงการที่ผ่านการพิจารณาเห็นชอบ ส่งให้คณะกรรมการอำนวยการบูรณาการแก้ไขปัญหาวิกฤติภัยแล้ง ปี 2558-59 ต่อไป โดยกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานสำรวจความต้องการชุมชนและเกษตรกร 30 วันเริ่มตั้งแต่วันนี้ (3 พ.ย. 58) - 3 ธันวาคม 2558 แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก โครงการ/กิจกรรม การปลูกพืชใช้น้ำน้อยและอาศัยความชื้นของดินต้องดำเนินการภายในเดือนธันวาคม 2558 อำเภอต้องเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จแล้ว ส่งคณะกรรมการกลั่นกรองระดับจังหวัดภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2558 และระยะสองโครงการ/กิจกรรม ด้านการเกษตรอื่นๆ อาชีพนอกภาคการเกษตรงานหัตถกรรม และการจ้างงาน ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2558
ทั้งนี้ คาดว่าชุมชนจะเริ่มดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง ปี 2558/59 ได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 2559 ในกรณีโครงการ/กิจกรรม การปลูกพืชใช้น้ำน้อยสามารถจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนธันวาคม 2558
ที่มา: http://www.thaigov.go.th