พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเร่งด่วนให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการระบบราชการ (ก.พ.ร.) จัดทำข้อเสนอใหม่เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจทุกระดับ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากว่า หลายหน่วยงานแก้ไขปัญหาล่าช้า ขาดประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในระดับพื้นที่ จนประชาชนได้รับความเดือดร้อน
“แม้ว่าจะมีการประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปีอยู่แล้ว แต่ท่านนายกฯ กำชับให้ไปหาหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินที่สามารถวัดผลและตรวจสอบได้จริงจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ทั้งผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน และประชาชนผู้รับบริการ หากมีการร้องเรียนถึงปัญหาเกิดขึ้นและผลการตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยหรือปฏิบัติงานขาดประสิทธิภาพ ให้ลงโทษทางวินัยอย่างเด็ดขาดหรืออาจพิจารณาปรับย้ายให้เกิดความเหมาะสมทันที จะไม่ปล่อยให้การประเมินเป็นเพียงแค่กระดาษใบเดียว”
พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า หลักเกณฑ์ที่นายกรัฐมนตรีอยากให้ ก.พ. และ ก.พ.ร. บรรจุไว้ในข้อเสนอการประเมินนั้นจะต้องครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งการประเมินความประพฤติส่วนตัว การควบคุมบังคับบัญชาหน่วยงาน ตลอดจนผลการปฏิบัติงานและต้องสามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน เช่น วิสัยทัศน์และประสิทธิภาพ การทำงานเชิงรุก ความพึงพอใจของประชาชน การแก้ไขปัญหาเร่งด่วน และการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล เป็นต้น โดยเจ้าหน้าที่จะต้องพยายามแก้ไขปัญหาที่คั่งค้างให้สำเร็จโดยเร็วด้วยการสร้างความร่วมมือกับประชาชน เพื่อพิจารณาว่าปัญหาคืออะไร มีกฎหมายใดที่เกี่ยวข้อง และจะแก้ไขอย่างไร โดยไม่ผลักให้เป็นภาระของรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียว นอกจากนี้ ปัญหาใดที่ซับซ้อนก็จะต้องบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อหาข้อยุติ และหากติดขัดในข้อกฎหมายให้เสนอเรื่องผ่านกระทรวงขึ้นมา รัฐบาลและ คสช.พร้อมที่จะแก้ไข ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทั้งสองหน่วยงานเร่งจัดทำแนวทางการประเมินใหม่ เพื่อเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนธันวาคมนี้
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียังได้ฝากให้กำลังใจและชื่นชมข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทและคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมาโดยตลอด ให้ทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติต่อไป อย่าได้ท้อถอย โดยได้ยกตัวอย่างนายโชติ ชูสุวรรณ กำนัน ต.โพธิ์เสด็จ จ.นครศรีธรรมราช ที่ประกาศสงครามกับยาเสพติดในพื้นที่ มาตั้งแต่ปี 2532 โดยไม่เกรงกลัวอิทธิพล และยังได้ประสานงานร่วมกับตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองในพื้นที่ตั้งด่านตรวจปัสสาวะเป็นประจำ หากพบผู้หลงผิดจะส่งไปบำบัดจนสามารถกลับใจได้ ส่งผลให้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่เบาบางลง
...........
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th