เพราะฉะนั้น จึงขอให้ข้าราชการคิดและทำงานเชิงรุก มีวิสัยทัศน์ ทุ่มเทให้เหมาะสมกับการรับเงินเดือนภาษีของประชาชน ซึ่งตรงนี้ทำให้สืบเนื่องไปถึงเรื่องของการประเมินผลข้าราชการด้วย โดยจะมีการปรับเปลี่ยนการประเมินให้สอดคล้องไปตามบทบาท อำนาจหน้าที่ของข้าราชการแต่ละส่วนแต่ละฝ่าย ทั้งนี้ต้องมีการประเมินทั้งความประพฤติส่วนตัวบุคคล ผลงานที่เกิดขึ้น และการควบคุมบังคับบัญชาหน่วย เช่น กรณีของครู จะต้องอยู่ในห้องเรียนให้มาก การเพิ่มวิทยฐานะด้วยการวิจัยก็ส่วนที่จะทำให้มีองค์ความรู้มากขึ้นแต่อย่าให้เป็นปัจจัยหลักสำคัญในการพิจารณาคนขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น เพราะคนที่จะสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นได้ต้องเชี่ยวชาญในงานที่ตัวเองกำลังปฏิบัติอยู่ ซึ่งตรงนี้จะสามารถตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาในการพัฒนาบุคลากรของประเทศได้ในวันข้างหน้า โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเร่งรัดดำเนินการดังกล่าวให้ทันในการประเมินของปีงบประมาณ 2559 ต่อไป
ส่วนเรื่องการเพิ่มการผลิตแพทย์นั้น ปัจจุบันสิ่งที่พบคือคนได้รับการคัดเลือกเข้ามาเรียนแพทย์เมื่อจบแล้วบางคนได้ลาออกไปทำงานอิสระส่วนตัวและยินดีที่จะจ่ายเงินค่าปรับหรือเงินค่าประกัน ทำให้มีบรรยากาศของแพทย์สมองไหล อย่างไรก็ตามถึงแม้ประเทศไทยจะมีแพทย์จำนวนมาก แต่ในอนาคตประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะเป็นฮับ (hub) สำหรับบุคลากรทางการแพทย์หรือสาธารณสุขของภูมิภาค แต่จำนวนปริมาณแพทย์ที่ลงไปให้บริการกับประชาชนในท้องถิ่นและภูมิภาคยังมีจำนวนน้อย นายกรัฐมนตรี จึงมีนโยบายให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาหาแนวทางที่จะสามารถผลิตแพทย์เพิ่มได้และต้องทำงานในพื้นที่เพื่อให้บริการกับประชาชน ทำให้ประชาชนในภูมิภาคต่าง ๆ เข้าถึงบริการทางสาธารณสุขและแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง
พร้อมกันนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชี้แจงถึงเรื่องพระราชบัญญัติความปลอดภัยทางชีวภาพ ที่ครม.ได้ผ่านความเห็นชอบไป ว่า กฎหมายดังกล่าวไม่ใช่เป็นกฎหมายที่ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการทำ GMOs แต่เป็นกฎหมายที่ต้องการจะกำหนด กฎ กติกา หลักเกณฑ์ให้ชัดเจนว่าจะควบคุมความปลอดภัยของการตัดต่อพันธุกรรมในพืชและสัตว์อย่างไร เพราะขณะนี้ต้องยอมรับว่าในประเทศไทยมีผลผลิตเกี่ยวกับ GMOs เข้ามาขายในประเทศแล้ว ซึ่งตรงนี้จะมีวิธีการควบคุมอย่างไรที่จะไม่ให้มีผลกระทบต่อพืช คน และสัตว์ในประเทศ เพราะฉะนั้นจึงมีกฎหมายดังกล่าวออกมา และกฎหมายฉบับนี้มีขั้นตอนควบคุมที่ละเอียดก่อนที่จะนำผลผลิตออกมาจำหน่ายได้ต้องผ่านการทดสอบจากห้องทดลองและผ่านการทดสอบในภาคสนามที่มีการประเมินความเสี่ยงและประเมินผลกระทบต่อคนและสัตว์เรียบร้อยแล้ว ตลอดจนขั้นตอนในการขออนุญาตผู้ที่ประกอบการจะต้องเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน จากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรวบรวมส่งให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญพิจารณาก่อนและทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างถูกต้องชัดเจน
อย่างไรก็ตามกฎหมายดังกล่าวเมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วก็จะส่งยังสำนักคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา โดยจะมีการเชิญผู้ที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันมาศึกษาทำความเข้าใจ หากกฎหมายดังกล่าวเป็นผลดีก็จะผ่านแต่ถ้าไม่ดีก็ไม่ผ่าน โดยขอให้เข้าใจในวัตถุประสงค์ของรัฐบาลว่าสิ่งใดที่ยังมีความกังขาก็จะมีการนำมาพิจารณาในรายละเอียดอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นขอให้กลุ่มและผู้ที่มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้อย่าเพิ่งกังวลจนเกินไป
---------------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th