ตามที่กรมศุลกากรได้มุ่งเน้นนโยบายสำคัญในการเร่งรัดปราบปรามสินค้าลักลอบ หลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม ข้อกำกัด เพื่อความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี ปกป้องสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่ท้องทะเลและทางบก นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร จึงได้สั่งการให้นายจำเริญ โพธิยอด รักษาการที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารจัดเก็บภาษี และนายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันทชัย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม เข้มงวดเป็นพิเศษในการสกัดกั้นป้องกันและปราบปราม
ต่อมาเมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 เจ้าหน้าที่ส่วนสืบสวนปราบปราม 2 (ปราบปรามทางทะเล) นำโดยนายนิมิตร แสงอำไพ กับพวก สามารถจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติไทยชื่อ โอเชี่ยนกรีน มีนายพระรถ แย้มสวน เป็นนายเรือ และช่างเครื่องเรือชื่อนายสงคราม สิทธิรุ่ง โดยเรือลำดังกล่าวบรรทุกน้ำมันดิบ (Condensate) ลักลอบหนีศุลกากร จำนวน 8,000 ลิตร และเรือบรรทุกน้ำมัน ชื่อ ส.พูนสุข โดยมีนายวิเชียร เวิ่นกระโทก เป็นผู้ควบคุมเรือ และและช่างเครื่องเรือชื่อนายศุภรัตน์ แดงประเสริฐ โดยเรือลำดังกล่าวบรรทุกน้ำมันดิบ (Condensate) ลักลอบหนีศุลกากร จำนวน 80,000 ลิตร เหตุเกิดบริเวณแลตติจูด 13 องศา 13 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 100 องศา 50 ลิปดาตะวันออก ห่างจากหาดบางพระ ประมาณ 12 ไมล์ทะเล ไปทางทิศตะวันตก เขตจังหวัดชลบุรี โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามีนายทุนชื่อเอก ไม่ทราบนามสกุล เป็นผู้ว่าจ้างและเช่าเรือโดยว่าจ้างพวกตนให้มารับซื้อน้ำมันหลบหนีภาษีศุลกากรบริเวณน่านน้ำจังหวัดชลบุรี เพื่อจำหน่ายให้โรงงานในเขต จังหวัดสมุทรสาคร รวมมูลค่าของกลางเป็นเงินประมาณ 10 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากรฐานลักลอบนำสินค้าน้ำมันดิบ (Condensate) หรือรับซื้อ หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษี ของต้องห้าม ต้องกำกัด หรือของที่ไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง อันเป็นความผิดตามมาตรา ๒๗ ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ ประกอบมาตรา ๑๖,๑๗ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ ๙) พ.ศ.๒๔๘๒ จึงได้ยึดน้ำมันและเรือบรรทุกน้ำมันเป็นของกลาง ทั้ง 2 ลำ พร้อมจับกุมตัวลูกเรือเป็นผู้ต้องหานำส่ง ส่งกรมศุลกากรเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อนึ่ง ในรอบปี พ.ศ. 2557- 2558 ทุกหน่วยงานของกรมศุลกากรจับกุมน้ำมันเชื้อเพลิง อาทิ น้ำมันดิบ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน และน้ำมันชนิดอื่น รวมทั้งสิ้น 380,630 ลิตร มูลค่า 5,938,302 บาท
ที่มา : กระทรวงการคลัง
ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th