โฆษกรัฐบาลเผยตั้งแต่ ม.ค.59 เป็นต้นไป นรม. และรอง นรม. จะเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมรับฟังปัญหาต่าง ๆ ของทุกภาคส่วนเพื่อทราบถึงปัญหาที่แท้จริง

ข่าวทั่วไป Tuesday December 15, 2015 11:03 —สำนักโฆษก

วันนี้ (15 ธ.ค.58) เวลา 15.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ ถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีปรารภและสั่งการต่อที่ประชุมฯ โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวง ทบวง กรม และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาหารือร่วมกันกรณีที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะมีการเดินทางลงพื้นที่ โดยตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 เป็นต้นไป นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมประชาชนให้มากขึ้น รวมทั้งจะไปรับฟังปัญหาต่าง ๆ ทั้งในส่วนของภาคราชการ ส่วนการปกครองท้องถิ่น และส่วนของประชาชนในพื้นที่ เพื่อจะได้ทราบถึงปัญหาที่แท้จริงด้วยตนเอง นอกจากนี้ ยังไปตรวจเยี่ยมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ได้มอบนโยบายลงไปแล้วว่าสัมฤทธิ์ผลมากน้อยเพียงใด

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายสั่งการเกี่ยวกับการเดินทางลงไปในพื้นที่ทั้งในระดับกลุ่มจังหวัด และพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ว่า ไม่ต้องการให้หน่วยงานในพื้นที่มีการเตรียมตัวหรือการจัดฉาก เพราะต้องการเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจริง รวมทั้งต้องการพบปะกับประชาชนและส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว เพื่อจะได้ติดตามการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล และอาจจะมีโอกาสได้ร่วมรับประทานอาหารกับประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตามการลงพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นการเดินทางไปในช่วงเช้าและช่วงบ่ายเดินทางกลับ และเป็นการเดินทางลงพื้นที่มากขึ้น เพราะการติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเป็นเรื่องสำคัญเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้มีการเข้มงวดเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่เป็นวาระสำคัญของชาติ เช่น เรื่องการค้ามนุษย์ หรือเรื่องประมง โดยขอให้เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญและเข้มงวดกับผู้ประกอบการหรือเจ้าของเรือ นอกจากการดูแลแรงงานที่ถูกนำมาและมีปัญหาในเรื่องของการค้ามนุษย์หรือการจดทะเบียนแรงงานที่ไม่ถูกต้องด้วย เพราะตรงนี้ประเทศต่าง ๆ ที่เป็นสากลให้ความสำคัญอย่างมากในการแก้ปัญหาดังกล่าวที่จะต้องแก้ตั้งแต่ต้นเหตุไม่ใช่มองเฉพาะปลายเหตุเท่านั้น ดั้งนั้นต้องมองย้อนกลับไปยังต้นเหตุของปัญหาว่าผู้ประกอบการ หรือเจ้าของเรือต่าง ๆ ต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการค้าแรงงานและการใช้แรงงานที่ผิดกฎหมาย หรือการใช้แรงงานที่เกินกำลังความสามารถของเขาด้วย โดยต้องถูกลงโทษทางกฎหมาย และเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หากบุคคลใดมีส่วนรู้เห็นแม้เพียงการมองผ่านต่อการกระทำดังกล่าวก็ถือว่าเป็นการให้การสนับสนุนผู้กระทำความผิดก็จะต้องมีความผิดด้วย

นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงความเข้มงวดเกี่ยวกับการแก้ปัญหามาตรฐานความปลอดภัยทางด้านการบิน โดยมี 41 สายการบินที่เคยได้รับใบอนุญาตการบินไปแล้วและรัฐบาลได้ขอความร่วมมือในการเข้มงวดกับหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่อยู่ในข้อกำหนดและมาตรฐานความปลอดภัยในการบินก็ขอให้มีการดำเนินการอย่างเข้มงวดกับทั้ง 41 สายการบินดังกล่าว เพื่อแสดงให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งสหภาพยุโรป หรือเอียซ่า (EASA) ได้เห็นถึงความตั้งใจจริงของประเทศไทย ทั้งนี้ หากสายการบินใดไม่สามารถปฏิบัติได้จะต้องมีแนวทางในการแก้ไขและมีระยะเวลาที่ชัดเจน และหากยังไม่สามารถดำเนินการตามนั้นได้ก็จะต้องคืนใบอนุญาต เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหามาตรฐานการบินที่ได้มาตรฐานอย่างแท้จริงสำหรับประเทศไทย โดยปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้จะต้องไม่กลับมาเกิดขึ้นอีก

--------------------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ