สหรัฐฯ เร่งเพิ่มพูนความสัมพันธ์และร่วมมือกับไทย ทั้งในระดับทวิภาคี ภูมิภาค และระหว่างประเทศ

ข่าวทั่วไป Wednesday December 16, 2015 10:09 —สำนักโฆษก

วันนี้ เวลา 11.00 น. นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางเยือนไทย เพื่อเข้าร่วมประชุมหารือยุทธศาสตร์ไทย?สหรัฐฯ ครั้งที่ 5 ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

ภายหลังการหารือ พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

การพบกันในวันนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันความสัมพันธ์ ไทย-สหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ต้องการมีความร่วมมือกับไทยที่ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นในทุกมิติและทุกระดับ

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต้อนรับ ผู้ช่วยรัฐมนตรีแดเนียล รัสเซล สู่ประเทศไทยเป็นครั้งที่สองของปีนี้ ซึ่งสหรัฐฯได้เน้นย้ำว่า ไทยเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้มายาวนานและต้องการกระชับความสัมพันธ์กับไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืนมากขึ้น โดยก่อนการเดินทางเยือนในภูมิภาคนี้ นายแดเนียลได้พบหารือกับประธานาธิบดีโอบามา ซึ่งได้เล่าถึงการพบหารือกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและทราบถึงสถานการณ์ในประเทศไทยที่มีความซับซ้อน โดยประธานาธิบดีโอมาบาได้ย้ำว่า ไทยเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯและต้องการสร้างความร่วมมือที่ใกล้ชิดกับไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ความร่วมมือเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย ความร่วมมือด้านสาธารณสุข ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตลอดจน ความร่วมมือด้านความมั่นคง ซึ่งในประเด็นเรื่องความมั่นคง สหรัฐฯ ยินดีร่วมมือให้การสนับสนุนในทุกประเด็นและยืนยันการฝึกร่วมคอบบราโกลด์ในไทยต่อไป รวมทั้ง จะแสวงหาความร่วมมือกับไทยและอาเซียนในการสร้างความมั่นคงในภูมิภาคต่อไป นอกจากนี้ ประธานาธิบดียังได้ย้ำคำเชิญนายกรัฐมนตรีในการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ วาระพิเศษ และการเข้าร่วมการประชุม Nuclear Summit ที่สหรัฐฯเป็นเจ้าภาพในช่วงต้นปีหน้าด้วย

นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงถึงสถานการณ์การเมืองในอดีตถึงปัจจุบันและกล่าวว่า ทางสหรัฐฯ สามารถสอบถามได้จากประชาชนทั่วไปในประเทศไทยได้ พร้อมใช้โอกาสนี้ย้ำถึงเจตนารมณ์ที่สำคัญในการบริหารประเทศ โดยรักษาสมดุลระหว่าง หนึ่ง ระบอบประชาธิปไตยและการคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชน และสอง ความมีเสถียรภาพและความมั่นคงของชาติ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถหลุดพ้นวงจรปัญหาทางการเมืองเดิม โดยย้ำว่า เป้าหมายหลักของรัฐบาลคือการปฏิรูปที่หยั่งรากลึกและนำไปสู่ประชาธิปไตยที่แข็งแรง มีรัฐบาลที่โปร่งใส มีหลักนิติธรรม และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนไทยทุกคน ทั้งนี้ ประชาธิปไตยเป็นมากกว่าเพียงการเลือกตั้ง สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เป็นการวางรากฐานให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่มั่นคง พร้อมเชื่อว่า สหรัฐฯ จะไม่นำมาตรฐานเดียวมาพิจารณาการดำเนินการของประเทศต่างๆที่มีระดับการพัฒนาที่ไม่เท่ากัน โดยหวังว่า การที่นายแดเนียล ได้พบหารือกับภาคส่วนและบุคคลต่าง ๆ จะได้รับข้อมูลจากทุกฝ่ายตามความเป็นจริงและได้เห็นถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลในการปฏิรูปประเทศ

นายแดเนียลฯ กล่าวว่า ปัจจุบัน รัฐบาลสหรัฐฯ มีความเข้าใจต่อสถานการณ์ในประเทศไทยมากขึ้น แต่ยอมรับว่า สาธารณชนทั่วไปและสื่อมวลชนสหรัฐฯ ยังขาดความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับประเทศไทย ในบางประเด็น อาทิ เรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก สิทธิมนุษยชน การอพยพที่ไม่ปกติและปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า รัฐบาลกำลังทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาต่างๆ พร้อมชี้แจงกรณีม.112 ซึ่งทางสหรัฐฯได้รับฟังอย่างตั้งใจ โดยในเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้เสรีภาพสื่อและประชาชนในการแสดงออก ไม่ได้ปิดกั้น แต่ต้องไม่สร้างความขัดแย้งในสังคมเพิ่ม นอกจากนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในกระบวนการ ซึ่งสามารถแสดงความเห็นอย่างสร้างสรรค์ สำหรับประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนและการค้ามนุษย์นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้เพียงฉบับเดียวเกี่ยวกับการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งมีหลักเกณฑ์ว่า ถ้ามีผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ต้องมีการดำเนินการ 2 อย่างคือ ให้มีการพิสูจน์สัญชาติและส่งตัวกลับประเทศต้นทาง หรือ สองถ้าผู้ถูกจับกุมได้ มีหมายจับต้องนำส่งประเทศนั้นๆ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลกำลังเร่งแก้กฎหมายฉบับนี้อยู่ สำหรับประเด็นการค้ามนุษย์ รัฐบาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งทหารและตำรวจ ในขณะนี้มีเจ้าหน้าที่จำนวนมากโดนจำกุมตัวอยู่ในเรือนจำ โดยไม่ได้รับการละเว้น

นายกรัฐมนตรียังได้ขอร้องให้สหรัฐฯ ช่วยดูแลเรื่อง การบิน FAA และประมงด้วย เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่มีมายาวนาน ซึ่งนายแดเนียลรับว่า จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณาและเปิดช่องทางทางกระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตไทยในสหรัฐอเมริกาให้เป็นกรณีเร่งด่วนอีกด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่า การดำเนินการของรัฐบาลเป็นไปภายใต้หลักกฎหมาย อย่างไรก็ดี มีบุคคลบางกลุ่มที่แอบแฝงมาในกลุ่มนิสิตนักศึกษา ทำให้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายบ้างเพื่อรักษาความสงบในการแก้ปัญหา แต่ก็มีความพยายามบิดเบือนจากคนกลุ่มดังกล่าว ซึ่งต้องการให้เจ้าหน้าที่ จับกุมเพื่อให้ต่างประเทศที่ไม่เข้าใจ นำไปขยายความขัดแย้งต่อ โดยเบื้องหลังมีแกนนำนักการเมืองให้ท้าย คอยสนับสนุนอยู่ โดยบุคคลเหล่านี้ไม่ยอมรับกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

ในตอนท้าย นายแดเนียลฯ ได้แสดงความพอใจที่ได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ และจะรายงานผลการหารือที่เป็นประโยชน์ ไปยังกรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อให้สหรัฐฯ มีความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยมากขึ้น และยืนยันความต้องการที่จะร่วมมือกับประเทศไทย อย่างสร้างสรรค์ในระดับทวิภาคีและเวทีระหว่างประเทศต่อไป

*****************************************

ทั้งนี้ นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เยือนประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 14-17 ธันวาคม 2558 ซึ่งนอกจากการหารือยุทธศาสตร์ไทย – สหรัฐฯ ครั้งที่ 5 (Strategic Dialogue) ที่กระทรวงการต่างประเทศแล้ว นายแดเนียล รัสเซล ยังมีกำหนดการพบหารือบุคคลสำคัญของรัฐบาล ภาคประชาสังคมและนักการเมืองจากพรรคต่าง ๆ รวมถึง จะเดินทางไปลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเข้าชมพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ด้วย ก่อนจะเดินทางต่อไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ