วันนี้ (17 ธ.ค. 58) เวลา 13.00 น. นายหวัง หย่ง (H.E. Mr. Wang Yong) มนตรีแห่งรัฐจีน เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้
นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ได้พบกับ มนตรีแห่งรัฐจีน ในโอกาสเดินทางเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้าการลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย – จีน (JC) ครั้งที่ 4 ณ กรุงเทพฯ พร้อมแสดงความขอบคุณและชื่นชมที่ได้ส่งบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถมาร่วมพูดคุยเจรจา โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีฝากความระลึกถึงไปยังประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อ เฉียงด้วย
มนตรีแห่งรัฐจีนแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่สละเวลาให้พบในวันนี้ ทราบดีว่านายกรัฐมนตรีมีภารกิจมาก พร้อมกล่าวว่าการประชุม JC ไทย-จีน มีความสำคัญเป็นอย่างมาก และหวังว่าผลการประชุมดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมและผลักดัน ด้านการค้าการลงทุน และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเกิดผลเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทั้งสองประเทศ
ทั้งสองฝ่าย ยืนยันความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน และยินดีอย่างยิ่งที่ปีนี้ครบรอบ 40 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน แต่ในความจริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างไทย - จีนมีมาตั้งแต่อดีตกาล เป็นความสัมพันธ์ดั่งญาติมิตร ซึ่งในปีนี้นับเป็นปีที่ผลสำเร็จรอบด้าน ไทยและจีนมีความร่วมมือระหว่างกันในหลายมิติ ทั้งเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน วัฒนธรรม และสาธารณสุข ยินดีที่ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และวิชาการของทั้งสองฝ่ายได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน รวมถึงการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีหวังให้จีนช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม รวมถึงให้มีการตั้งกลไกการประสานเพื่อแก้ไขปัญหาทางการค้าและการลงทุนที่เป็นรูปธรรมเร่งรัดการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ ว่าด้วยความร่วมมือสินค้าเกษตร โดยเร็ว ซึ่งมนตรีแห่งรัฐจีนยินดีให้การสนับสนุน พร้อมกล่าวว่าเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา ได้มีการลงนามกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนว่าด้วยความกระชับความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 และลงนามซื้อขายข้าวและยางพารา โดยเป็นข้าว 1 ล้านตัน และยางพารา 2 แสนตัน
ในด้านการค้า นายกรัฐมนตรีหวังให้การค้าสองฝ่ายขยายตัวเป็นสองเท่าของตัวเลขการค้าในปัจจุบัน และตั้งจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวน 10 ล้านคนในปีหน้า ซึ่งมนตรีแห่งรัฐจีนกล่าวว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายมีมากถึง 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้มูลค่าการค้าจะสูงถึง 70,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สำหรับความร่วมมือด้านรถไฟ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงของไทยในการดำเนินโครงการความร่วมมือด้านรถไฟ ซึ่งความร่วมมือด้านรถไฟมีความสำคัญในภูมิภาคที่ไทยกับจีนจะได้ประโยชน์ร่วมกัน และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถหาข้อสรุปรวมกันในประเด็นที่ยังค้างคาอยู่โดยเร็ว ซึ่งนอกจากการส่งเสริมความเชื่อมโยงทางระบบราง ไทยกับจีนควรร่วมมือกันส่งเสริมความเชื่อมโยงอื่นๆ ในภูมิภาคด้วย เช่น เส้นทางถนน การขนส่งทางน้ำ และอากาศ
นายกรัฐมนตรีเห็นว่าไทยกับจีนยังมีศักยภาพที่จะร่วมมือกันในการพัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของไทยได้อีกมาก จึงประสงค์จะเชิญชวนจีนเข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจภาคใต้ของไทย ซึ่งมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง โดยเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญของทั้งผลไม้ ยางพารา และอาหารฮาลาลที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทั้งนี้ ความสำเร็จในการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจในภาคใต้จะนำไปสู่การพัฒนาระบบรางมาตรฐานเชื่อมต่อจากกรุงเทพฯ ลงไปยังภาคใต้
นอกจากนี้มนตรีแห่งรัฐจีนแสดงความชื่นชมบทบาทของไทยในฐานะผู้ประสานงานจีน-อาเซียน ที่ช่วยขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างจีนและอาเซียนให้คืบหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างรอบด้านและยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนประสบความสำเร็จ และชื่นชมความมุ่งมั่นของจีนที่ร่วมมือกับประเทศลุ่มน้ำโขงเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งรวมถึงความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันด้วย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th