นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า “รัฐบาลเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2558/59 ที่ได้รับผลกระทบจากราคาผลผลิตที่ตกต่ำ จึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2558/59 และมอบหมายให้ ธ.ก.ส.ดำเนินโครงการ จำนวน 3 โครงการ ประกอบไปด้วย โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2558/59 สำหรับเกษตรกรลูกค้าที่มีหนี้เงินกู้เพื่อการผลิตข้าวปีการผลิต 2558/59 รายละไม่เกิน 80,000 บาท จะได้รับการลดดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี ระยะเวลาการลดดอกเบี้ยไม่เกิน 6 เดือน โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ ธ.ก.ส.แทนเกษตรกร
โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2558/59 ธ.ก.ส.ให้สินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ได้แก่ สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อการจำหน่าย และเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อ 12,500 ล้านบาท กำหนดวงเงินกู้กับสถาบันเกษตรกรตามศักยภาพคิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ขณะนี้ ธ.ก.ส.ได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกรที่เคยเข้าร่วมโครงการดังกล่าวในปีการผลิต 2557/58 จำนวน 316 แห่ง วงเงิน 10,800 ล้านบาท และจ่ายเงินกู้แล้ว 140 ล้านบาท
โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2558/59 ธ.ก.ส.จะจ่ายสินเชื่อชะลอการขายผลผลิตให้แก่เกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร โดยใช้ข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียวเป็นหลักประกัน ดำเนินการในเขตพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วงเงินสินเชื่อ 26,740 ล้านบาท กำหนดวงเงินกู้ให้กับเกษตรกรรายละไม่เกิน
300,000 บาท ซึ่งวงเงินสินเชื่อที่เกษตรกรจะได้รับเป็นไปตามคุณภาพข้าวดังนี้
ชนิดข้าวเปลือกหอมมะลิ วงเงินสินเชื่อ (บาทต่อตัน)
ชนิดสีได้ต้นข้าว 36 กรัมขึ้นไป 13,500
ชนิดสีได้ต้นข้าว 31-35 กรัม 13,300
ชนิดสีได้ต้นข้าว 26-30 กรัม 13,100
ชนิดสีได้ต้นข้าว 20-25 กรัม 12,900
ชนิดสีได้ต้นข้าวต่ำกว่า 20 กรัม ไม่รับเข้าร่วมโครงการ
เปลือกเหนียว
10% เมล็ดยาว 11,300
10% เมล็ดสั้น (คละ) 10,300
โดยมีเป้าหมายชะลอการขายข้าวเปลือก จำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก จำแนกเป็นเกษตรกรรายคน 1.5 ล้านตันข้าวเปลือก และสหกรณ์การเกษตร จำนวน 0.5 ล้านตันข้าวเปลือก เริ่มโครงการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2559 ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2558/59 มียุ้งฉางที่แข็งแรงเป็นของตนเองและสามารถเก็บข้าวเปลือกได้ตลอดระยะเวลาของโครงการ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการเก็บรักษาข้าวเปลือกไว้นานกว่า 30 วัน จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวอีกตันละ 1,000 บาท
สำหรับสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นสหกรณ์ที่รวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2558/59 จากสมาชิกรายละไม่เกิน 300,000 บาท และไม่ซ้ำซ้อนกับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการนี้ รวมทั้งเป็นสหกรณ์ที่มีโกดังยุ้งฉางที่มั่นคงแข็งแรงสามารถเก็บรักษาข้าวเปลือกได้ตลอดระยะเวลาของโครงการ ซึ่ง ธ.ก.ส.ได้กำหนดระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้ให้เสร็จภายใน
4 เดือน นับจากวันรับเงินกู้และต้องไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2559 ”
สำนักประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร ธ.ก.ส.
โทร 02 558 6100 ต่อ 6733, 6734 และ 6740
ที่มา : กระทรวงการคลัง
ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th