โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน OTOP CITY 2015 ในวันนี้ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายที่จะเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศด้วยการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งเพื่อจะแก้ไขปัญหาความยากจน เนื่องจากประเทศไทยยังติดกับดักตัวเองในเรื่องของความยากจนและประเทศที่มีรายได้ปานกลาง เพราะฉะนั้นรัฐบาลจึงต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานรากซึ่งคือประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศขณะเดียวกันประชาชนในแต่ละภูมิภาคก็มีประเพณีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่มีทั้งความคล้ายคลึงและแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงการขับเคลื่อนประเทศไทยก็ต้องรวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนด้วยที่จะต้องเติบโตและก้าวไปด้วยกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อที่จะเชื่อมโยงเศรษฐกิจไปสู่ประชาคมโลกในภูมิภาคอื่น ๆ ต่อไป
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่จะเติบโตและก้าวไปด้วยกันว่า จะต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายใน โดยเฉพาะจากระดับชุมชน ตำบล อำเภอ จังหวัด ขยายไปสู่ระดับประเทศ ก่อนเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนและประชาคมโลก โดยต้องสร้างห่วงโซ่มูลค่าเริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ การสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ และการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความสมดุลทั้งเรื่องปริมาณและตรงกับความต้องการของตลาด ตลอดจนให้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุดและสามารถเก็บไว้ใช้ให้ได้นานที่สุด
สำหรับการจัดงาน OTOP ได้เริ่มจัดมาตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งในปัจจุบันมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก รวมทั้งที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการทางการตลาดโดยการแลกเปลี่ยนและจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบในบริเวณพื้นที่ชายแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง สร้างผู้ประกอบการรายใหม่ และธุรกิจ SMEs เพื่อนำพาประเทศให้เข้มแข็ง ประชาชนมีความสุข มีรายได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามการดำเนินการต่าง ๆ รัฐบาลปัจจุบันเป็นการเริ่มต้นวางรากฐานที่เข้มแข็งไว้สำหรับประเทศ เพื่อให้ทุกคนร่วมกันดำเนินการสานต่อและขับเคลื่อนสิ่งต่าง ๆ ที่ได้วางรากฐานไว้แล้วต่อไปในอนาคตให้เกิดความยั่งยืน
ทั้งนี้ในส่วนของโครงการ OTOP นั้น เป็นโครงการที่สนับสนุนส่งเสริมให้ประชาชนในหมู่บ้านได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ สร้างรายได้ให้กับชุมชน อย่างไรก็ตามดำเนินการจะต้องมีการสนับสนุนส่งเสริมในเรื่องของการพัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ให้ดึงดูดสวยงาม รวมถึงการสร้างเรื่องราวบอกถึงที่มาและต้นกำเนิดของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ผสมผสานกับประเพณี ศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าที่มีอยู่เดิมให้เกิดความน่าสนใจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้มากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เรากำลังสร้างประวัติศาสตร์แห่งอนาคตด้วยการทำกิจกรรมร่วมกันหลายอย่าง ทั้งเรื่องสร้างรายได้ สินค้า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ด้านความมั่นคง และกระบวนการยุติธรรม ฯลฯ โดยต้องทำทุกอย่างให้ส่งเสริมเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เช่น การผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ OTOP จะต้องคำนึงถึงบุคคลอื่นด้วยในการที่จะพัฒนาร่วมกันไปโดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านภูมิภาคอาเซียนจะต้องก้าวไปด้วยกัน การสร้างห่วงโซ่คุณค่า การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขณะเดียวกันการพัฒนาสินค้าต้องให้มีคุณภาพได้มาตรฐานและเชื่อมโยงกับตลาดชุมชน ไม่ว่าจะเป็นวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ โดยเฉพาะทำให้เกิดการนำเงินไปใช้ในการประกอบการและการลงทุนเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ระหว่างกันในพื้นที่เพื่อสร้างรายได้ในชุมชน
ส่วนการสนับสนุนแหล่งเงินทุนาสิ่งสำคัญลำดับแรกคือผู้ประกอบการทุกคนต้องเข้ามาจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนในเรื่องเงินทุน โดยขณะนี้รัฐบาลพยายามในการที่จะสร้างรายได้ให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ที่เพียงพอหรือมากกว่ารายจ่าย เพื่อจะสามารถเสียภาษีได้และนำเงินดังกล่าวมาพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ตามที่ประชาชนต้องการได้อย่างแท้จริง เป็นต้น
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์และนิทรรศการหน่วยงานที่มาให้บริการ รวมทั้งเยี่ยมชม OTOP NEX VERSION 2 สุดยอดผลิตภัณฑ์ OTOP MASTER PIECE โดยนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมอุดหนุนผลิตภัณฑ์และสินค้า OTOP ต่าง ๆ ในงานนี้ด้วย ก่อนเดินทางกลับ
---------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th