พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ และ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ หารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม 2558 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การหารือร่วมกันครั้งนี้ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา ตามยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการ แผนบูรณาการการยกระดับการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งจุดเน้นการปฏิรูปการศึกษา 6 ด้าน คือ หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้, ครู, การบริหารจัดการ, ICT เพื่อการศึกษา, การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้เพื่อการผลิตและพัฒนากำลังคนและงานวิจัยที่สอดคล้องกับความต้องการของการพัฒนาประเทศ และการประเมินและพัฒนามาตรฐานการศึกษา
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นพ้องในแนวทางเดียวกันในจุดเน้นการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งทั้งกระทรวงศึกษาธิการและคณะกรรมาธิการฯ สปท. นำโดยนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานคณะกรรมาธิการฯ จะตั้งคณะทำงานเพื่อหารือและประสานการทำงานด้านการปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รมว.ศึกษาธิการ ต้องการให้คณะกรรมาธิการฯ ช่วยพิจารณาใน 2 เรื่อง คือ ระบบการบริหารจัดการ/โครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการ และครู
นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานคณะกรรมาธิการฯ ด้านการศึกษา สปท. กล่าวว่า การตั้งคณะทำงานร่วมกัน จะช่วยทำให้การประสานการทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการใกล้ชิดมากขึ้น พร้อมทั้งจะนำกรอบการดำเนินงานตามวาระการปฏิรูปที่ได้รับจากสภาการปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ใน 3 วาระปฏิรูปประเด็นเร่งด่วน คือ การสร้างวินัย ครู และมาตรฐานคุณภาพ (TQF) มาดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการสร้างวินัยให้เกิดขึ้นกับนักเรียนไทย ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องกันว่าควรเริ่มปลูกฝังตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา ที่สำคัญต้องแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันทั้งองคาพยพ รวมทั้งครู ผู้ปกครองด้วย ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่เห็นว่าเรื่องวินัยเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมาก
อนึ่ง ในการหารือครั้งนี้ พ.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ ได้นำเสนอให้ที่ประชุมเห็นภาพการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา ตามยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการ แผนบูรณาการการยกระดับการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต และจุดเน้นการปฏิรูปการศึกษา รวมทั้งปัญหาอุปสรรคในการบริหารราชการตามโครงสร้างปัจจุบันของกระทรวงศึกษาธิการ คือ 1) การบริหารงานแบบแยกส่วน ขาดการบูรณาการ 2) ไม่มี CEO อย่างแท้จริง ไม่สอดคล้องกับระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 3) เขตพื้นที่การศึกษาไม่ได้เป็นเขตพื้นที่การศึกษาของกระทรวงอย่างแท้จริง 4) การบริหารงานบุคคลในระดับพื้นที่ที่มีการแทรกแซงทางการเมือง มีปัญหาเรื่องความเป็นธรรมและความโปร่งใส 5) หน่วยงานที่รับผิดชอบงานวิชาการมีสถานภาพเป็นหน่วยงานในระดับสำนัก 6) หน่วยงานที่มีภารกิจคล้ายกันแต่ไม่ได้อยู่ภายใต้สังกัดเดียวกัน
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในที่ประชุมถึงการแก้ไขปัญหาครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งพัฒนาระบบการสรรหาและการพัฒนาคุณภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบ โดยเสนอให้เห็นถึงแผนผลิตครูและบุคลากรทางการศึกษา คือ โครงการคุรุทายาท ที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาได้ภายในเดือนมกราคม 2559 โดยมี 9 มหาวิทยาลัยร่วมรับผิดชอบการผลิตและพัฒนา, การบริหารงานบุคคล ซึ่งบางเรื่องอาจเสนอให้ใช้มาตรา 44 เช่น การรักษาการในตำแหน่งของผู้บริหารสถานศึกษา การย้ายผู้บริหารสถานศึกษา เป็นต้น, การพัฒนาครูฯ ซึ่งจะเน้นครูในโรงเรียนขนาดเล็ก (นักเรียนต่ำกว่า 120 คน) จำนวน 15,577 โรง โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีนักเรียนน้อยกว่า 20 คน จำนวน 1,059 โรง จะเร่งพัฒนาผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอน นอกจากนี้จะพัฒนาครูที่สอนไม่ตรงวิชาเอก
ภาพ : ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี, บัลลังก์ โรหิตเสถียร
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ย้ำให้เห็นถึงการโยกย้ายครูที่ยังคงมีการจ่ายเงินวิ่งเต้น แต่ตรวจสอบได้ยากเนื่องจากเป็นการสมยอมกัน รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 470,000 ราย โดยในเร็วๆ นี้จะเชิญตัวแทนธนาคาร สหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศ และหน่วยงานที่รับผิดชอบ มาหารือร่วมกันตามนโยบาย รมว.ศึกษาธิการ เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบต่อไป
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน
3/12/2558
ที่มา: http://www.thaigov.go.th