นายกรัฐมนตรีมอบโอวาทแก่เด็กและเยาวชนดีเด่นที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ ขอให้เป็นแบบอย่างที่ดีนำพาคนอื่นเป็นคนดีไปด้วย

ข่าวทั่วไป Thursday January 7, 2016 14:29 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีมอบโอวาทแก่เด็กและเยาวชนดีเด่นที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ ขอให้เป็นแบบอย่างที่ดีนำพาคนอื่นเป็นคนดีไปด้วย

วันนี้ (7 มกราคม 2559) เวลา 13.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบโอวาทแก่เด็กและเยาวชนดีเด่น และนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ จำนวน 772 คน โดยมี พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ เด็กและเยาวชนดีเด่นเข้าร่วมรับฟัง

พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่าถึงวัตถุประสงค์การจัดงานว่า ในโอกาสวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2559 ได้นำเด็กและเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกทุกสังกัดทั่วประเทศเข้ารับโล่รางวัล จำนวน 772 คน ประกอบด้วย 1) เด็กและเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกจากส่วนราชการ 17 หน่วยงาน และหน่วยงานเอกชนต่าง ๆ จำนวน 544 คน 2) เด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติใน 5 ด้าน ได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 228 คน ได้แก่ ด้านวิชาการ 82 คน ด้านศิลปะและดนตรี 67 คน ด้านคุณธรรมจริยธรรม 28 คน ด้านกีฬาและนันทนาการ 46 คน และด้านทักษะฝีมือวิชาชีพ 5 คน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้กระทำความดีในด้านต่าง ๆ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กและเยาวชนในอนาคต และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ กระตุ้นให้เด็กและเยาวชนได้ตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญตลอดจนปลูกฝังให้มีส่วนร่วมในสังคม เป็นกำลังสำคัญของชาติ เตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ตามคำขวัญวันเด็กประจำปี 2559 ที่ว่า “เด็กดี หมั่นเพียร เรียนรู้ สู่อนาคต”

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบโอวาทตอนหนึ่งว่า กล่าวแสดงความยินดีกับเด็กและเยาวชนดีเด่นที่ได้รับรางวัล ถือเป็นเป็นเกียรติยศที่น่าภูมิใจของตัวเอง ครอบครัว ครู และสังคม ขอให้เป็นแบบอย่างที่ดีนำพาคนอื่นเป็นคนดีด้วย นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เป็นตัวชี้วัดความเจริญก้าวหน้าของทุกประเทศ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทรัพยากรมนุษย์ที่มีความรู้ความสามารถไม่น้อยกว่าประเทศอื่น ซึ่งสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทยคือ ความอ่อนน้อมถ่อมตน มีวัฒนธรรม มีประเพณีที่งดงาม มีบ้านเมืองน่าอยู่อาศัย และที่สำคัญคนไทยเป็นคนโอบอ้อมอารีมีน้ำใจ แต่ค่อนข้างมีความรู้เร็ว และละเอียดอ่อน คือรักใครรักจริง จนบ้างครั้งก็ไม่มีเหตุผล จึงขอให้รักด้วยเหตุและผล ด้วยความชื่นชมในสิ่งที่ดีงาม อย่ารักด้วยหัวใจและความรู้สึก และต้องยอมรับความแตกต่างที่ดีงาม อย่าสร้างความขัดแย้งจนกลายเป็นกักดับของตัวเองอย่างถาวร

โดยปัจจุบันประเทศไทย จำเป็นต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศทั้งในวันนี้และในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาทุกระบบ ต้องดำเนินแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยเฉพาะด้านฝีมือแรงงานซึ่งจะเป็นที่ต้องการของตลาดในอนาคต ทั้งนี้ การปฏิรูปการศึกษาทุกภาคส่วนต้องช่วยกันจึงจะประสบความสำเร็จ เพื่อเดินหน้าเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และเพื่อให้เกิดความร่วมมือที่ดีต่อกันในอาเซียน โดยเฉพาะกับประเทศที่มีชายแดนติดประเทศไทย เพื่อสร้างการพัฒนา และสร้างการเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ลดความขัดแย้งระหว่างประเทศทั้งปัจจุบันและในอนาคต

นอกจากการพัฒนาความรู้แล้ว สิ่งที่ต้องพัฒนาต่อไปคือการเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตที่จะอยู่กับสังคมในปัจจุบันซึ่งมีการแข่งขันในทุก ๆ ด้าน และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา วันนี้เราต้องพัฒนาตัวเอง เพราะฉะนั้นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อลดความเสี่ยงของตัวเองและของประเทศชาติ ปัจจุบันประเทศไทยและทั่วโลกมีจำนวนประชากรเด็กเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นครอบครัวใหญ่ ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงขอให้เด็กและเยาวชนดำเนินชีวิตบนความพอเพียง รู้จักความพอประมาณ และใช้จ่ายอย่างมีเหตุและผล เพื่อไม่เพิ่มภาระให้กับพ่อแม่ และต้องสร้างความเข้มแข็งในครอบครัว มีความรักความสามัคคี และมีความกตัญญูเพื่อทำให้สังคมสงบมีความปลอดภัยมากขึ้นในอนาคต สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือเด็กและเยาวชนต้องทำร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นอีกวิธีหนึ่งในการช่วยประหยัดงบประมาณด้านสาธารณสุขของรัฐบาล

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยไม่มีอะไรที่จะทำให้เกิดความเท่าเทียมเท่ากันอย่างแท้จริง นอกจากกฎหมาย เพราะฉะนั้นทุกคนต้องรู้กฎหมาย และต้องเคารพกฎหมาย อย่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และที่สำคัญทุกคนต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง ทำตามหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัว และประเทศชาติ สิ่งใดที่สามารถทำให้เกิดความเชื่อมโยงขึ้นในสังคมขอให้ช่วยกันสร้างความเชื่อมโยงเพื่อให้เกิดพลังในการขับเคลื่อนประเทศ และร่วมกันคืนความสุขให้ประเทศไทย

โดยในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ วันที่ 9 มกราคม 2559 ขอให้เป็นเก้ามกราคมแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ของทุกคน รวมถึงเปลี่ยนแปลงความคิด สมรรถภาพร่างกาย และเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น พร้อมกับส่งความปรารถนาดีไปยังเด็กไทยทุกคนทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงบุคลากรการศึกษาให้ประสบแต่ความสุข ทำงานให้สำเร็จ และขอให้เด็กและเยาวชนคิดและทำในสิ่งที่เป็นไปได้

------------------------------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ