รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้มอบให้ สกอ.เป็นผู้รับผิดชอบหลักดำเนินการโครงการคุรุทายาท โดยจะแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์โครงการ และเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรี ก่อนที่จะมีการประกาศใช้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2559 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าคณะทำงานจะพิจารณาและจัดทำรายละเอียดหลักเกณฑ์ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2559 ไม่ว่าจะเป็นเกรดเฉลี่ย จำนวนปีที่จะต้องอยู่ในพื้นที่ อัตรากำลัง เป็นต้น
ทั้งนี้ ได้ให้นโยบายไว้เป็นหลักการต่อที่ประชุมว่า หลักเกณฑ์การรับสมัครควรรับเด็กที่กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยในทุกชั้นปีที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด เพื่อให้เราผลิตครูได้เร็วขึ้น และเมื่อจบการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการเตรียมอัตราจากการเกษียณอายุราชการ เพื่อบรรจุแต่งตั้งให้เป็นครูทั้งในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และเป็นอาจารย์ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา รวมประมาณ 3,000 อัตรา ส่วนอัตราที่เหลือก็จะเป็นครูที่สอบบรรจุในระบบปกติ
ส่วนการที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนนั้น เพราะมีความเกี่ยวข้องกับอัตรากำลังและงบประมาณ ซึ่งจะใช้งบประมาณจำนวนไม่มากและจะนำระบบเงินกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มาช่วยสนับสนุนในส่วนนี้ด้วย นอกจากนี้เตรียมที่จะหารือถึงการให้ทุนการศึกษาเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสแก่ผู้รับทุนโครงการคุรุทายาทให้ได้ต่อยอดระดับปริญญาโทในต่างประเทศ ภายหลังทำการสอนมาระยะหนึ่ง โดยกระทรวงศึกษาธิการจะจัดสอบแข่งขันเพื่อรับทุนไปศึกษาต่อ ซึ่งแน่นอนว่าทักษะภาษาอังกฤษจะต้องอยู่ในระดับที่สูงกว่าครูปกติด้วย และเมื่อสำเร็จการศึกษาก็ต้องกลับมาสอนที่เดิม
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า โครงการนี้มีข้อดีเป็นอย่างมาก เพราะทำให้ได้ครูที่ดี ครูที่เก่ง และตรงกับพื้นที่และสาขาที่มีความขาดแคลน โดยใช้งบประมาณของรัฐไม่มากนักเมื่อเทียบกับโครงการให้ทุนการศึกษาเช่นที่ผ่านมา ซึ่งเล็งเห็นแล้วว่าปัจจุบันเด็กไทยต้องการเป็นครูจำนวนมาก หากเราสามารถสร้างเด็กตั้งแต่ต้นทาง ก็จะทำให้ได้ครูเพิ่มขึ้นจำนวนประมาณ 40,000 คนในอีก 10 ปีข้างหน้า
นวรัตน์ รามสูต
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน
11/12/2558
ที่มา: http://www.thaigov.go.th