วันนี้ (9 ม.ค.59) เวลา 10.35 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ณ ทำเนียบรัฐบาล พร้อมชมการแสดงดนตรี รับฟังทอล์คโชว์ของตัวแทนเด็กนักเรียน และกล่าวให้โอวาทกับเด็กและเยาวชนที่มาร่วมงาน โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะเข้าสู่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) แล้ว ได้รับชมการแสดงดนตรีของโรงเรียน Music For fun เพลง “เธอคือประเทศ” และ “บัญญัติ 10 ประการ” ต่อด้วยทอล์คโชว์ของเด็กชายพลภัทร องอาจ (น้องโชกุน) จากโรงเรียนอนุบาลกาฬสินธุ์ ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น และทอล์คโชว์ของเด็กหญิงวริศรา ใจดี (น้องไอซี) โรงเรียนสาธิต มศว.ปทุมวัน เรื่อง “กิจกรรมลดเวลาเรียน...เพิ่มเวลารู้”
จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวให้โอวาทกับเด็กและเยาวชน สรุปสาระสำคัญว่า วันนี้เราต้องฟังเสียงคนทุกคน เด็กบริสุทธิ์ไม่มีอย่างอื่นเพราะเด็ก ๆ เป็นอนาคตของชาติ สิ่งที่ตัวแทนเด็กพูดเมื่อสักครู่นั้นสำคัญที่สุดคือการสร้างจิตสำนึกของตัวเองในใจ ไม่มีใครบังคับได้นอกจากตัวของตัวเอง การเป็นคนดีมีคุณธรรมสำคัญที่สุด บางคนยังสงสัยว่าการเป็นคนดีคืออะไร ถ้าเป็นอย่างนี้แสดงว่าอีกนาน ยังไม่ผุดเกิดจากใต้น้ำขึ้นมา คนดีคือคนที่เคารพกฎหมาย และเป็นคนที่เผื่อแผ่คนอื่น ทำสาธารณประโยชน์ให้คนอื่น ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ละเมิดสิทธิคนอื่น ทำให้บ้านเมืองสงบสุขอย่างยั่งยืน ไม่มีความขัดแย้ง มีหลายเรื่องให้ทำดีได้ การทำชั่วมีไม่กี่เรื่องแต่ชอบทำกัน ฉะนั้นเด็กและพวกเราทุกคนจะต้องไม่ให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอีก
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การจัดงานวันเด็กปีนี้ได้เห็นหลายอย่าง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีแนวคิดว่าจะนำเยาวชนเหล่านี้ไปขับเคลื่อนประเทศในเรื่องการปฏิรูปด้วย เช่น นำตัวแทนเด็กทั้งสองคนนี้ไปออกรายการเดินหน้าประเทศไทยช่อง 11 ในช่วงเย็น โดยให้เด็กชายพลภัทรไปพูดภาษาอังกฤษเพื่อประชาสัมพันธ์ สร้างความสนใจในเรื่องภาษาอังกฤษและเป็นแรงกระตุ้นให้กับคนอื่น อยากได้คนเก่งภาษาอังกฤษมาเป็นล่ามในอนาคต โดยขอฝากรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านการศึกษา และทุกกระทรวงให้ไปช่วยสร้างการรับรู้ ไปพูดออกรายการโทรทัศน์ เพื่อจะได้เป็นกำลังใจให้เด็ก ๆ มีแรงกระตุ้นอยากจะพูดภาษาอังกฤษ พร้อมกับให้เด็กหญิงวริศรา ไปช่วยพูดถึงการลดเวลาเรียนเพิ่มการเรียนรู้ ซึ่งการลดเวลาเรียนในวันนี้ไม่ใช่ลดเวลาให้กลับบ้าน แต่ให้นำเวลาช่วงบ่ายที่มีอยู่นั้นมาเรียนรู้ตัวเอง เรียนรู้ว่าจะอยู่กันอย่างไร ต้องคิดเป็น ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์เพื่อให้เป็นประโยชน์กับตัวเองในวันหน้า
“ลุงเองวันนี้ที่ทำหลาย ๆ อย่างเพราะพ่อแม่สอนมา พ่อเคยสอนเย็บผ้า ซ่อมผ้าเย็บกระดุมได้หมด รีดผ้าก็รีดเอง สมัยเด็ก ๆไม่มีใครรีดให้ หลายอย่างที่ทำเป็น ไสไม้ แกะสลัก อ๊อกเหล็ก ได้หมดเพราะว่าเรียนมาตั้งแต่เป็นนักเรียน สมัยก่อนเรียนแบบนี้ วันนี้เรียนแต่วิชาการอย่างเดียว เพื่อให้ได้คะแนนเยอะ ๆ แล้วไปได้ปริญญา แต่ทำงานไม่ได้ เพราะว่าไม่มีกระบวนการเรียนรู้ว่าจะเอาสิ่งที่สอนมา เรียนมาจากโรงเรียนไปเข้ากระบวนการสังเคราะห์ในหัวตัวเองได้อย่างไร แล้วนำไปสู่การวาดแผนงานในอนาคต ทำแผนงานโครงการ คิดวิเคราะห์แบบมีเหตุมีผลมีหลักการ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า วันนี้เราอย่าทำงาน อย่าคิดกันด้วยความรู้สึกอย่างเดียว รักใครชอบใครด้วยความรู้สึก ด้วยหน้าตาด้วยอะไรต่าง ๆ ต้องรักคนด้วยความดีของเขา ผู้ชายต้องเป็นหลักของผู้หญิง ไม่ใช่ผู้หญิงเป็นหลักให้ผู้ชาย วันหน้าผู้ชายต้องดูแลผู้หญิง เสียสละ อดทน เข้มแข็ง ไม่หลอกลวง ผู้หญิงก็รักคนด้วยหัวใจ สติปัญญาและสมอง อย่ารักคนด้วยความรูปหล่อหรือคารมดีอย่างเดียว ทั้งสองฝ่ายต้องปรับตัวเข้าหากัน รัฐบาล คสช. ก็พยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ให้เข้ากับประชาชนและประเทศชาติในขณะนี้ หลายอย่างก็ต้องเข้มงวด หลายอย่างก็ผ่อนผัน แต่ก็ยังไม่เข้าใจ ซึ่งแสดงว่าสังคมเรากำลังมีปัญหาด้วยคนไม่กี่คน คนไม่กี่ประเภท ดังนั้น เหลือแต่พวกเราทุกคนที่เป็นอนาคต ขอให้ไปช่วยกันดูแลพ่อแม่ผู้ปกครองให้อยู่ในกรอบในวินัยของบ้านเมือง เคารพกฎหมาย และช่วยกันสร้างประเทศในอีก 20 ปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อยตามยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลกำหนดไว้ว่า 20 ปีข้างหน้าเราจะไปสู่ความทันสมัย ใช้เทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ ฉะนั้นเราต้องเรียนรู้ตั้งแต่บัดนี้ รัฐบาลนี้จะวางแผนไว้ให้ตั้งแต่ 1 ปี 6 เดือนที่เหลืออยู่ วางพื้นฐานให้ทั้งหมด ส่วนที่เหลือรัฐบาลต่อไปก็ต้องดำเนินการต่อ ซึ่งสิ่งที่คิดไว้ให้นี้เป็นอนาคตของประเทศ ชาติในอนาคต
“เด็กเก่งทุกคน เก่งในสิ่งที่ตัวเองควรจะเก่ง ขอให้หาความเก่งของตัวเองให้เจอว่าตัวเองเก่งตรงไหน ไม่ใช่เก่งไปขี่มอเตอร์ไซค์แข่งกัน วันนี้ลุงออกกฎหมายทุกชนิดแล้วที่จะแก้ปัญหาเรื่องอุบัติเหตุ กฎหมายแรงที่สุดออกมาแล้ว แต่ก็ยังตายยังเจ็บอยู่ เพราะฉะนั้นช่วยไปบอกพ่อแม่ว่าระวังหน่อยครับ ขับรถอย่ากินเหล้านะครับ ถ้ากินเหล้าลูกไม่ไปด้วย อย่าไปสร้างความขัดแย้งกัน ห้ามทะเลาะกันห้ามชกกัน ห้ามไปร่วมกลุ่มกับคนไม่ดี เด็กดีคืออนาคตของชาติ เด็กดีจะมีอนาคต เด็กจะดีด้วยครูดี เด็กจะดีด้วยพ่อแม่ดี พ่อแม่จะดีด้วยลูกดี ประเทศชาติก็จะดีขึ้นมาด้วย”
--------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th