พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกรณีพบเด็กทารกเพศชายแรกเกิด ยังมีสายสะดือติดอยู่ ถูกห่อด้วยเสื้อนำมาวางทิ้งไว้ริมคลองระบายน้ำแห่งหนึ่งย่านบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ คาดว่าแม่เด็กเป็นวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม จึงนำมาทิ้งไว้ ตนมีความห่วงใยปัญหาเด็กถูกทิ้งรายวัน เนื่องจากมียอดเด็กถูกทิ้งเกือบทุกวัน นับว่าเป็นปัญหาสังคมที่ต้องเร่งช่วยกันแก้ไขและป้องกัน จึงขอความร่วมมือรณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดจากการตั้งครรภ์ไม่พร้อม และกระทรวงฯ พร้อมเพิ่มช่องทางการเข้าถึงข้อมูล เพื่อขอความช่วยเหลือหรือขอคำปรึกษาแก้ไขปัญหาเมื่อตั้งครรภ์ไม่พร้อม ผ่านสายด่วนศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC โทร.๑๓๐๐ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง และเห็นว่าผู้ปกครองควรชี้แนะบุตรหลาน สร้างความรู้ความเข้าใจ ที่ถูกต้องเกี่ยวกับความพร้อมในการมีครอบครัว การสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัว หากบุคคลในครอบครัวเกิดปัญหาควรหันหาเข้าหากัน ปรึกษาพูดคุยหาทางออกร่วมกัน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีเด็กชายยอดกตัญญูสู้ชีวิต วัย ๑๓ ปี นักเรียนชั้น ป.๖ โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพิจิตร อาศัยอยู่กับแม่ที่พิการ และหลานอีก ๖ คน อายุระหว่าง ๑-๙ ขวบ ซึ่งเป็นลูกของพี่สาวที่นำมาทิ้งไว้ ซึ่งทั้ง ๘ ชีวิต อาศัยอยู่ในบ้านสภาพเก่าใกล้ผุพัง และในช่วงหน้าหนาวมีผ้าห่มไม่เพียงพอ ด้านเด็กชายต้องรับภาระหนัก หาเงินเลี้ยงครอบครัว ยอมขาดเรียนไปรับจ้างตัดอ้อยและต่อยมวย แม้จะลำบากแต่ไม่ย่อท้อ เพียงหวังอยากให้แม่และหลาน มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิจิตร (พมจ.พิจิตร) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจของกระทรวงฯ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่อง การรักษาพยาบาลของแม่ที่พิการ และดูแลเรื่อการศึกษาของเด็กชายดังกล่าวและหลานในระยะยาวต่อไป และกรณีข่าวสังคมออนไลน์มีการแชร์เรื่องราวยกย่องชายยอดกตัญญู อายุ ๓๖ ปี ที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก แต่สู้ชีวิตด้วยการทำงานรับจ้าง ลอกใบจากแห้ง ได้ค่าแรงวันละ ๖๐-๘๐ บาท เพื่อหาเงินเลี้ยงแม่ อายุ ๘๘ ปี ที่ป่วยด้วยโรคชรา ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ที่จังหวัดระนอง ด้านเจ้าตัวเปิดเผยว่าอยากบวชทดแทนบุญคุณให้แม่ แต่ไม่รู้จะมีโอกาสหรือไม่ เพราะครอบครัวมีฐานะยากจน ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระนอง (พมจ.ระนอง) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและ ให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจของกระทรวงฯ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลของแม่ ที่ป่วย ทั้งนี้ ตนขอชื่นชมในความกตัญญู มีมานะพยายาม และขยันหมั่นเพียร ไม่นำความพิการมาเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต และช่วยเหลือคนในครอบครัว นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีในการสู้ชีวิตของผู้พิการทั่วประเทศ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th