เมื่อวันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2558 ณ หอประชุมคุรุสภา, พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานพิธีรับผ้าไตรพระราชทาน โครงการอุปสมบทจาริกบุญแดนพุทธภูมิเฉลิมพระเกียรติ จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยมีนายอนุสรณ์ ฟูเจริญ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ตลอดจนผู้บริหาร ข้าราชการในสังกัด สพฐ.เข้าร่วมพิธี
นายสุเทพ ชิตยวงษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวรายงานถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้น้อมนำแนวพระราชดำริเกี่ยวกับการจัดการศึกษา เช่น การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม จากโรงเรียนวังไกลกังวลไปยังโรงเรียนขนาดเล็กทั่วประเทศ 15,369 โรงเรียน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูและครูไม่ครบวิชาเอก ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็กสูงขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว สพฐ.จึงได้จัดทำโครงการอุปสมบทจาริกบุญแดนพุทธภูมิเฉลิมพระเกียรติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา ซึ่งเปิดโอกาสให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด สพฐ. ที่นับถือพุทธศาสนา ได้เดินทางไปศึกษาและปฏิบัติธรรมในสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพาน อันเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งเป็นเส้นทางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตลอด 45 พรรษาของพระพุทธองค์ ระหว่างวันที่ 16-24 ธันวาคม 2558 ณ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ประเทศอินเดียและประเทศเนปาล โดยมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการอุปสมบท 35 คน บวชเนกขัมมะ 57 คน รวมทั้งสิ้น 92 คน ทั้งนี้ สพฐ.ได้อนุญาตให้ผู้เข้าร่วมโครงการเดินทางไปในครั้งนี้ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงานหน้าที่ราชการ
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าไตรอุปสมบทแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม เป็นเกียรติอันสูงสุดแก่ สพฐ.และผู้เข้าร่วมโครงการทุกคน
การดำเนินงานครั้งนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุวัตถุประสงค์ และสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ที่ได้กรุณาเอื้อเฟื้อสถานที่ วัสดุอุปกรณ์ และอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ในการจัดพิธีรับผ้าไตรพระราชทาน นอกจากนี้ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญถวายผ้าไตรและเครื่องอัฐบริขาร ผ้าห่มสักการะพระพุทธเจ้า ผ้าป่าสามัคคี 10 วัดไทยในแดนพุทธภูมิ ต้องขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้
พิธีรับผ้าไตรพระราชทาน
โครงการอุปสมบทจาริกบุญแดนพุทธภูมิเฉลิมพระเกียรติ
โอกาสนี้ รมช.ศึกษาธิการ ได้กล่าวคำถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดังนี้
"ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าพลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้ร่วมโครงการอุปสมบทจาริกบุญแดนพุทธภูมิเฉลิมพระเกียรติ ที่มาชุมนุมพร้อมกันในมณฑลพิธีแห่งนี้ ขอพระราชทานพระราชวโรกาสกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2558 แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นมิ่งมหามงคลแก่ประเทศชาติและปวงชนชาวไทยทั่วประเทศ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้ทรงเป็นพลังแห่งแผ่นดิน มีพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมแก่ปวงชนชาวไทย ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้วยพระวิริยะอุตสาหะ น้ำพระราชหฤทัยเปี่ยมด้วยพระเมตตากรุณา ทรงมุ่งมั่นปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อขจัดทุกข์ยากน้อยใหญ่ ผดุงพสกนิกรให้ร่มเย็นเป็นสุขอย่างยั่งยืน ทรงนำความเจริญวัฒนา และความอุดมสมบูรณ์มาสู่ผืนแผ่นดินไทยทุกภูมิภาค
ในพระราชกรณียกิจด้านการศาสนานั้น ทรงมีพระราชจริยวัตรเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงเป็นพุทธมามกะผู้เคร่งครัดอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในประเทศไทยและในแดนพุทธภูมิ และทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก อาทิ ทรงมีพระราชดำริในการก่อสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ สาธารณรัฐอินเดีย พระราชทานคำวินิจฉัยรูปแบบพระมหาธาตุเจดีย์ พร้อมทั้งพระราชทานฝีพระหัตถ์ปรับปรุงรูปแบบให้งดงามยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ในการก่อสร้างเป็นปฐมฤกษ์ และเป็นทุนในการทำนุบำรุงพระมหาธาตุเจดีย์ให้ยั่งยืน ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุกลับสู่แดนพุทธภูมิ พร้อมกับพระราชทานเส้นพระเจ้าเมื่อครั้งออกทรงพระผนวช เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานในพระมหาธาตุเจดีย์ และพระราชทานนามพระมหาธาตุเจดีย์แห่งนี้ว่า “พระมหาธาตุเฉลิมราชย์ศรัทธา”
พระราชกรณียกิจที่สำคัญยิ่งของพระองค์ที่มีต่อพระพุทธศาสนาคือ การเสด็จออกทรงพระผนวชระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2499 ในระหว่างที่ทรงพระผนวช ทรงปฏิบัติพระองค์ตามพระธรรมวินัยของพระภิกษุสงฆ์อย่างเคร่งครัด ทรงลงพระอุโบสถ ทำวัตร และออกบิณฑบาตเป็นประจำทุกวันมิได้ขาด เป็นการแสดงถึงพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างสมบูรณ์ยิ่ง
นอกจากนี้ ยังทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดทำพระพุทธรูปปางมารวิชัยขึ้น เรียกว่า “พระพุทธนวราชบพิตร” เป็นพระพุทธรูปประจำรัชกาล โดยที่ฐานบัวหงายของพระพุทธนวราชบพิตรได้บรรจุพระพุทธรูปพิมพ์ “กำลังแผ่นดิน” ไว้ 1 องค์ และเมื่อใดที่เสด็จพระราชดำเนินไปยังจังหวัดใด ก็ให้อัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตรไปประดิษฐาน เพื่อให้พระองค์ทรงสักการะ นับเป็นศูนย์รวมแห่งความศรัทธาและจงรักภักดีที่มีอยู่ทั่วประเทศ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อส่งเสริมบำรุงให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองสถาพรมาจวบจนถึงปัจจุบัน
ในศุภวาระอันเป็นมิ่งมหามงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ตลอดจนพระบรมเดชานุภาพแห่งพระสยามเทวาธิราช และสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ โปรดอภิบาลบันดาลดลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย มีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคาพยาธิภัย และอุปัทวันตรายใดๆ ทรงพระเกษมสำราญ พระชนมพรรษายิ่งยืนนาน พระบารมีแผ่ไพศาล ทรงสถิตเป็นร่มโพธิ์ทองของปวงชนชาวไทยตราบกาลนิรันดร์
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ"
อรพรรณ ฤทธิ์มั่น
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th