โดยในการประชุมดังกล่าว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ ครั้งที่3 (The 3rd ASEAN Ministerial Meeting on Disaster Management : AMMDM) และการประชุมผู้นำภาคีเพื่อดำเนินการตามความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 4 (COP-4) ซึ่งจัดขึ้นแบบคู่ขนานกับกิจกรรมและการประชุมภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อกำหนดและรับทราบทิศทางและยุทธศาสตร์ในการดำเนินการความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติของอาเซียนในห้วงหรือภายหลังปี พ.ศ. 2558 และเพื่อการประเมินสถานะของการดำเนินการตามแผนงานความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินในช่วงที่ผ่านมา คือ ระหว่าง ค.ศ. 2010 - 2015 และแนวทางการดำเนินงานต่อไป
ในเวทีการประชุมฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในนามของรัฐบาลไทยขอแสดงความยินดีกับคณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติในความสำเร็จของการดำเนินการตามความตกลงอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติและการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินในปีที่ผ่านมา สำหรับประเทศไทยได้มีการจัดทำและบังคับใช้แผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 และได้มีการผนวกกรอบเซนได เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติปี ค.ศ. 2015 - 2030 ไว้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่สำคัญ โดยประเทศไทยได้แสดงจุดยืนในการสนับสนุนการเสริมสร้างพันธมิตร และการสร้างการรับรู้ ปรับตัว และฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
และในปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้ร่วมมือกับ AHA Center จัดทำโครงการ ONE ASEAN, ONE Response Roadshow และการสัมมนาทางวิชาการASEAN Resilience Symposium เพื่อแนะนำกลไกในภูมิภาคในด้านการจัดการภัยพิบัติของอาเซียน รวมถึงแนวคิดในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และสร้างการรับรู้ ปรับตัว ฟื้นคืนกลับอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดภัยพิบัติ ให้แก่เครือข่ายด้านการจัดการภัยพิบัติของประเทศไทย และยังได้เข้าร่วมโครงการคลังสินค้าและระบบโลจิสติกส์เพื่อช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติฉุกเฉินของอาเซียน ในระยะที่ 2 โดยผลักดันให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 3 ที่ตั้งคลังสินค้าสำรองจ่ายเมื่อเกิดภัยพิบัติในอาเซียนเพิ่มเติม ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้นำในระดับนโยบายของไทยนั้นให้ความสำคัญในประเด็นด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเป็นอย่างมาก และมีความมุ่งมั่นและมีความพร้อมที่จะร่วมมือกับอาเซียนและประชาคมโลกรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของบริบทด้านการให้ความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมและการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในปัจจุบัน
สุดท้ายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำถึงประเด็นสำคัญในการหารือร่วมกันเพื่อที่จะรับรองร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยอาเซียนรวมใจเป็นหนึ่งเดียวในการตอบโต้ภัยพิบัติทั้งภายในและภายนอกภูมิภาค ซึ่งจะเป็นเอกสารสำคัญที่จะสรุปสาระความพยายามของอาเซียนที่ผ่านมาและยังเป็นกรอบการดำเนินงานในอนาคตต่อไป จึงขอให้ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาและทบทวนวัตถุประสงค์ร่วมกันถึงความตั้งใจสูงสุดที่ต้องการปกป้องประชาชนไม่ว่าจะดับใดๆ ก็ตามและลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันเพื่อปกป้องประชาชนจากภัยพิบัติ และสร้างประชาคมอาเซียนที่เจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน.
ที่มา: http://www.thaigov.go.th