พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลได้มีโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ตามแผนบูรณาการการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต เพื่อมุ่งเน้นให้เด็กแรกเกิดได้รับการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ มีพัฒนาการเหมาะสมตามวัย เติบโตเป็นประชากรที่มีคุณภาพในอนาคต โดยให้เงินอุดหนุน ๔๐๐บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา ๑ ปี ซึ่งรัฐจ่ายให้กับมารดา หรือผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเด็กแรกเกิด เพื่อใช้ในการเลี้ยงดูเด็ก ถือว่าเป็นสวัสดิการพื้นฐานสำหรับเด็ก เป็นการแบ่งเบาภาระการเลี้ยงดูเด็ก เป้าหมายสำคัญของโครงการนี้ คือ การสนับสนุนให้คุณแม่ได้ดูแลสุขภาพบุตรอย่างเป็นมาตรฐาน เพราะจะต้องนำบุตรไปตรวจร่างกาย รับวัคซีนให้ครบถ้วนตามช่วงอายุ การนำบุตรไปพบแพทย์จะทำให้แม่ได้รับคำแนะนำด้านสุขภาพอนามัยและการเลี้ยงดูบุตรไปในตัว เป็นการเข้าถึงบริการทางสาธารณสุข ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเลี้ยงดูบุตรได้ อย่างมีคุณภาพ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) จึงได้ดำเนินโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด โดยให้เงินอุดหนุนแก่เด็กแรกเกิดที่เกิดระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ อยู่ในครัวเรือน ที่ยากจน และครอบครัวที่เสี่ยงต่อความยากจน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนและต่อยอดโครงการฯ ซึ่งกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ได้จัดทำโครงการส่งเสริมสวัสดิภาพเด็กแรกเกิดให้มีความมั่นคงในชีวิต โดยมีกิจกรรมเพิ่มเติม ๒ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมการอบรมให้ความรู้แก่หญิงตั้งครรภ์และหญิงที่คลอดบุตรแล้ว และกิจกรรมเยี่ยมบ้านครอบครัว เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและ วางแนวทางให้การช่วยเหลือครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งจากการลงพื้นที่ที่ผ่านมาพบว่า ครอบครัวหญิงตั้งครรภ์ยากจนและไม่มีรายได้บางรายมีภาระต้องเลี้ยงดูคนพิการ ผู้สูงอายุ และเด็กอายุต่ำกว่า ๑๕ ปี บางรายตั้งครรภ์ตอนอายุน้อย ช่วงอายุ ๑๕-๒๐ ปี และเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ควรที่จะให้ความช่วยเหลือหรือให้บริการสวัสดิการสังคมเพิ่มเติมนอกจากเงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เช่น เงินสงเคราะห์เด็ก วัสดุซ่อมแซมบ้าน ความรู้คำแนะนำด้านการสาธารณสุข การส่งเสริม ด้านอาชีพและรายได้ เป็นต้น
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การอบรมเชิงปฏิบัติการในวันนี้ เป็นกิจกรรมหนึ่งของโครงการส่งเสริม สวัสดิภาพเด็กแรกเกิดให้มีความมั่นคงในชีวิต ซึ่งจัดอบรมให้แก่แม่มือใหม่ รุ่นที่ ๑ ที่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ จำนวน ๑๐๐ ราย โดยหลักสูตรการอบรมมี ๒ วัน โดยมีหัวข้อการอบรม อาทิ การบรรยาย หัวข้อ "นิทานเพื่อพัฒนาการที่ดีของลูกน้อย” การอภิปราย หัวข้อ "การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ดีอย่างไรและการดูแลเด็กทารกแรกเกิด” การบริหารร่างกายเพื่อลดความเครียด และเตรียมพร้อมก่อนคลอด การฝึกหายใจและการปฏิบัติตัวเพื่อลดความเจ็บปวด สัญญานอันตรายระหว่างตั้งครรภ์ที่ต้องรีบไปพบแพทย์ การปฏิบัติตัวภายหลังคลอด
การเตรียมเอกสารในการแจ้งเกิด การป้องกันอุบัติเหตุในทารก และการนวดสัมผัสเพื่อกระตุ้นพัฒนาการลูกน้อย เป็นต้น
ที่มา: http://www.thaigov.go.th