พลตำรวจ เอกอดุลย์ กล่าวว่า คณะเยาวชนไทยโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ ประจำปี ๒๕๕๘ รุ่นที่ ๔๒ จำนวนทั้งสิ้น ๒๘ คน นำโดยนายดำรงค์ ใจยศ หัวหน้าคณะเยาวชนฯ ได้รายงานผลและนำเสนอผลการเข้าร่วมโครงการ เรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ ประจำปี ๒๕๕๘ หลังจากเดินทางเข้าร่วมกิจกรรม ณ ประเทศญี่ปุ่น และประเทศสมาชิกอาเซียน ๔ ประเทศ ได้แก่ ประเทศฟิลิปปินส์ เวียดนาม เมียนมา และมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ตุลาคม ถึงวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๘ รวมระยะเวลาทั้งสิ้น ๕๑ วัน ทั้งนี้ หัวหน้าและคณะเยาวชนจากทุกประเทศได้เดินทางไปเข้าร่วมโครงการฯ และเดินทางถึงกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ และเข้าร่วมพิธีเปิดโครงการฯ ในวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ พร้อมผู้แทนจากครอบครัวเจ้าภาพและสถานเอกอัครราชทูตจาก ๑๐ ประเทศสมาชิกอาเซียน จากนั้น คณะเยาวชนได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๒๙ ตุลาคม ถึงวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และต่อมาหัวหน้าคณะและคณะเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ จาก ๑๑ ประเทศ และผู้บริหารโครงการฯ ได้ออกเดินทางด้วยเรือนิปปอนมารู ในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เพื่อเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ซึ่งเรือได้แวะเยือนประเทศสมาชิกอาเซียน ๔ ประเทศ ได้แก่ ๑)ประเทศฟิลิปปินส์ กรุงมะนิลา ระหว่างวันที่ ๑๐–๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ๒)ประเทศเวียดนาม นครโฮจิมินห์ ระหว่างวันที่ ๑๗–๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ซึ่งหัวหน้าคณะและคณะเยาวชนจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางไปเยือนประเทศลาว ระหว่างวันที่ ๑๘–๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ๓)ประเทศเมียนมา นครย่างกุ้ง ระหว่างวันที่ ๒๖–๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และ ๔)ประเทศมาเลเซีย เมืองโคตา คินนา บารู ระหว่างวันที่ ๕–๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ แล้วเดินทางกลับยังประเทศญี่ปุ่นอีกครั้งในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยมีพิธีปิดโครงการฯพร้อมงานเลี้ยงอำลา ในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ จากนั้น หัวหน้าคณะและคณะเยาวชนจากประเทศสมาชิกอาเซียนเดินทางกลับประเทศโดยทางเครื่องบินในวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๘
"ขอชื่นชมคณะเยาวชนไทยฯ ทุกคนที่ได้ปฏิบัติตนเป็นอย่างดีและประสบความสำเร็จในการเข้าร่วมโครงการฯ ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ โดยยึดถือโอวาทที่ได้รับจากตนในการทำงานเป็นทีมและมีความสามัคคีในการเข้าร่วมตลอดทั้งโครงการฯ ทำให้สามารถนำมาซึ่งชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ ทั้งนี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่คณะเยาวชนไทยฯ จึงได้จัดพิธีมอบ เกียรติบัตรและเลี้ยงต้อนรับแก่คณะเยาวชนไทยฯ อย่างไรก็ตาม ขอให้คณะเยาวชนไทยฯ นำประสบการณ์จากการเข้าร่วมโครงการฯ มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติต่อไป” พลตำรวจ เอกอดุลย์ กล่าวในตอนท้าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th