“สำหรับภาพดาวหางแคทาลินาภาพนี้ ผมและทีมงาน ได้บันทึกเมื่อเช้ามืดของวันที่ 14 ธันวาคม 2558 ผ่านกล้องโทรทรรศน์ ใช้เวลาบันทึกภาพ 24 นาที สามารถเก็บรายละเอียดส่วนของหัวดาวหางในชั้นโคมา ปรากฏแสงเรืองสีเขียวของไซยาโนเจน และโมเลกุลของคาร์บอน ปรากฏการณ์ดังกล่าว เรียกว่า “Resonance Fluorescence” จากภาพเราสามารถสังเกตเห็นหางของดาวหาง 2 หาง มีทิศทางแยกจากกันอย่างชัดเจน ประกอบด้วย หางฝุ่น (Dust Tail) มีสีออกไปทางโทนขาวเหลือง รูปร่างค่อนข้างหนา ก่อตัวจากอนุภาคฝุ่นที่พ่นออกจากนิวเคลียสอยู่ในชั้นโคมา แล้วถูกผลักออกไปโดยความดันจากการแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์ และหางไอออน (Ion Tail) หรือหางแก๊ส มีสีฟ้า ถูกลมสุริยะพัดออกไปตามแนวตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ไอออนส่วนใหญ่จะเป็นประจุบวกของคาร์บอนมอนอกไซด์ที่มีคุณสมบัติกระเจิงแสงสีฟ้าได้ดีกว่าแสงสีแดง ทำให้เมื่อสังเกตจากตาของมนุษย์แล้วหางไอออนจะเป็นสีฟ้า” นายศุภฤกษ์กล่าวปิดท้าย
ดาวหางแคทาลินา (C/2013 US10 Catalina) ถูกค้นพบด้วยกล้องโทรทรรศน์ของหอดูดาวแคทาลินาสกายเซอร์เวย์ สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมาดาวหางดวงนี้ปรากฏอยู่บนซีกฟ้าใต้มาตลอด แต่ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม 2558 ที่ผ่านมาดาวหางดวงนี้มีความสว่างเพิ่มขึ้น มีค่าความสว่างประมาณแมกนิจูด 7 และเคลื่อนที่เข้าไปในตำแหน่งใกล้ขั้วฟ้าใต้ ทำให้ดาวหางดวงนี้ไม่ตกลับขอบฟ้ากลายเป็นดาวหางค้างฟ้า ปรากฏให้ผู้คนในซีกโลกใต้สามารถสังเกตเห็นได้ตลอดทั้งคืน จนกระทั่งปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ดาวหางดวงนี้ได้เพิ่มความสว่างจนสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า (แมกนิจูด 6) เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมาดาวหางแคทาลินาได้โคจรผ่านตำแหน่งใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด ปรากฏในท้องฟ้าซีกเหนือและมีความสว่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะมีค่าความสว่างมากที่สุดถึงประมาณแมกนิจูด 3
กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)
โทร. 053-225569 ต่อ 210 , 081-8854353 โทรสาร 053-225524
E-mail: pr@narit.or.th Website : www.narit.or.th
Facebook : www.facebook.com/NARITpage
Twitter : @N_Earth , Instagram : @NongEarthNARIT
ที่มา: http://www.thaigov.go.th