ในโอกาสนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า งาน OTOP CITY 2015 ถือได้ว่าเป็นงานส่งเสริมการตลาดOTOP ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปี โดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนให้ดำเนินการ โดยมีนัยสำคัญ คือ เป็นกิจกรรมที่ตอบสนองพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งนับเป็นระยะเวลากว่า 60ปี ที่พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาของคนไทย ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในคราวเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ปีพุทธศักราช 2498 ได้ทอดพระเนตรเห็นราษฎรนุ่งซิ่นไหมมัดหมี่กันเป็นส่วนใหญ่ จึงได้มีพระราชดำริว่าควรจะมีการนำภูมิปัญญาของราษฎรที่ได้ทอผ้าไว้ใช้กันอยู่ มาพัฒนาเป็นอาชีพให้เกิดรายได้แก่ราษฎร ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้ทรงก่อตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2519 เพื่อทำการฝึกอาชีพเสริมให้กับราษฎร อีกทั้งยังมีพระประสงค์เพื่อการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาของคนไทยให้คงอยู่สืบไป โดยรัฐบาลได้มีการต่อยอดงานส่งเสริมศิลปาชีพ ด้วยการจัดทำโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP และเห็นว่ากระทรวงมหาดไทยที่มีภารกิจและบทบาทในการส่งเสริมอาชีพของราษฎรทั่วทุกภูมิภาคมาอย่างยาวนาน จึงได้มอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนโครงการในระดับภูมิภาค ซึ่งผลของการดำเนินงานที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ในรอบปีที่ผ่านมา มีผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP มาลงทะเบียนจำนวนมากถึง 40,542 ราย รวม 83,286 ผลิตภัณฑ์ และที่สำคัญรัฐบาลปัจจุบันมีนโยบายเร่งด่วนในการกระตุ้นและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคงแข็งแรง โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ดำเนินงานโครงการตลาดคลองผดุงกรุงเกษม บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล เพื่อสร้างโอกาสให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยได้มีแหล่งจำหน่ายสินค้า ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น และเป็นการเชื่อมโยงการตลาดจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคโดยตรงซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งที่เป็นรูปธรรมในการส่งเสริมสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายของรัฐบาล
ต่อจากนั้น นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดงาน ได้เปิดเผยถึงแนวคิดในการจัดงานครั้งนี้ว่า ปัจจุบัน OTOP มีพัฒนาการที่ก้าวไกลไปมาก และรัฐบาลได้มีนโยบายชัดเจนในการยกระดับ OTOP ไปสู่ VERSION 2.0 หรือ OTOP Next และการจัดงานครั้งนี้จึงมีแนวคิดที่จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ OTOP ว่ามีความก้าวหน้าไปมากแล้ว จึงกำหนดกรอบการจัดงานภายใต้ชื่อ “OTOP CITY 2015 OTOP Next 2.0 ทศวรรษใหม่ ภูมิปัญญาไทยที่ไม่หยุดยั้ง” โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ 3 ประการ คือ 1)เพื่อจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP 2)เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP สร้างรายได้ให้กับชุมชน และ 3)เพื่อประชาสัมพันธ์การดำเนินงานโครงการ OTOP ที่ผ่านมา
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้จะแบ่งเป็นโซนต่างๆ อาทิ โซนนิทรรศการเทิดพระเกียรติฯ ซึ่งจัดแสดงเกี่ยวกับ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงพระปรีชาสามารถในด้านต่างๆ รวมทั้งการเล่าขานตำนาน OTOP จากอดีตถึงปัจจุบัน ที่จะนำความภาคภูมิใจในความเป็นเอกอุของภูมิปัญญาไทยที่ได้รับการอนุรักษ์สืบสานด้วยฝีมือลูกหลานไทย เพลิดเพลินกับรูปแบบงานที่อลังการชวนประทับใจ โซน OTOP Classicจัดแสดงเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ OTOP ครบครันทั้ง 5 ประเภทระดับ 3 – 5 ดาวจากทั่วทุกภูมิภาคไทยมารวมไว้ คือ ประเภทอาหาร นำผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปเด่นๆของทุกจังหวัด ประเภทเครื่องดื่ม ประเภทผ้า ประเภทของใช้ เครื่องประดับและของตกแต่ง และประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร เรียกว่ามางานนี้มีครบทุกอย่างและทุกจังหวัดเลยทีเดียว โซน OTOP ชวนชิม เป็นโซนแห่งความอร่อยที่ทุกคนต้องมาชิม เพราะนำเอาอาหารปรุงสด ยกครัวมาตั้งไว้ในงาน พร้อมเสิร์ฟร้อนๆ อาหารที่ไหนว่าดี ว่าเด็ด มีอยู่ที่นี่ ทั้งหมด 180 บูธ รวมทั้งการจัดโซนพิเศษสำหรับ OTOP City 2015 เช่น โซน OTOP TOP TEN นำผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทที่ผ่านการคัดสรรด้วยการประกวด 10 สุดยอดผลิตภัณฑ์เด่น จากระดับจังหวัด สู่ระดับภาค และจะมาตัดสินระดับประเทศในงานนี้ รวมทั้งหมด 245 ผลิตภัณฑ์ และโซน OTOP Next เป็นโซน OTOP แห่งอนาคตที่มีการพัฒนาต่อยอดโดยใช้องค์ความรู้ และนวัตกรรมมาสนับสนุน เช่นหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว การจัดกลุ่ม YOUNG OTOP และ กลุ่ม Green OTOP/OTOP Organic รวมถึงโซน OTOP Master Pieces ชิ้นเดียวในโลก เช่นปลาคาร์ฟอัญมณี จากจังหวัดจันทบุรี แจกันศิลาดล จากจังหวัดนครปฐม ขันเงินโบราณจากจังหวัดเชียงใหม่ เชวงเรือโบราณ จากจังหวัดนครสวรรค์ และ ผ้าทอยกดอกลำพูน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่างๆ เข้าร่วมจัดกิจกรรม อาทิ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
จากนั้น นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชุน ได้แถลงถึงรูปแบบของการจัดงาน และการยกระดับผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP ไปสู่อนาคต โดยเน้นเสน่ห์ของผลิตภัณฑ์ OTOP ที่มีความแตกต่าง Differential เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการพัฒนาสู่มาตรฐานและคุณภาพระดับสากล รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการสร้างรายได้กระจายสู่ชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก สำหรับการส่งเสริมพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์ สู่ OTOP 2.0 ซึ่งได้มีแนวคิดและตั้งเป้าหมายไว้ โดยจะเป็นการยกเครื่องOTOP ทั้งระบบเพื่อสร้างความสดใหม่ ตื่นเต้น ตื่นตา เร้าใจ ได้แก่ 1.จัดระบบการบริหารใหม่ ภายใต้แนวคิด "ประชารัฐ" ชุมชนทำ รัฐชี้เป้า เอกชนช่วยขับเคลื่อน โดยใช้กลไกภาครัฐ-เอกชน-ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อน OTOP อย่างบูรณาการ 2.OTOP สร้างชุมชนเข้มแข็ง 3.การสร้าง Young OTOP 4.การพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP เชิงสร้างสรรค์ (Innovative & Creative OTOP) 5. OTOP University พัฒนาองค์ความรู้และใช้องค์ความรู้มาพัฒนา OTOP โดยสร้างแม่ข่ายสถาบัน การศึกษาในแต่ละภูมิภาค รวมทั้งหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อช่วยกระตุ้นคุณภาพผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และการบริหารจัดการ และ 6 การยกเครื่องช่องทางจำหน่าย เน้นพัฒนาตลาดการค้าชุมชน ตลาดออนไลน์ (Online Market) ให้เข้มแข็ง เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุคปัจจุบั
สุดท้าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงาน OTOP CITY 2015 ครั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย ตั้งใจจัดขึ้นมาเพื่อคนไทยทุกคน และต้องการประกาศให้คนทั่วโลกได้รับรู้ถึงศักยภาพของภูมิปัญญาไทยที่พัฒนาก้าวไกลอย่างไม่หยุดยั้ง และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ได้ใช้โอกาสนี้มาร่วมชื่นชมภูมิปัญญาไทยที่สร้างสรรค์มาเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ที่หลากหลายและทรงคุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใกล้วาระส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่แล้ว เชิญชวนทุกท่านใช้ผลิตภัณฑ์คนไทย จากภูมิปัญญาไทย เป็นของขวัญของฝากปีใหม่แด่คนที่ท่านเคารพ และรัก เงินทองจะได้ไม่รั่วไหล เศรษฐกิจฐานรากก็จะได้มั่นคงเป็นรากฐานของเศรษฐกิจประเทศชาติต่อไป และขอฝากสื่อมวลชนทุกแขนงได้ร่วมกันประชาสัมพันธ์การจัดงานในครั้งนี้ให้ประชาชนได้ทราบโดยทั่วถึงกัน.
ที่มา: http://www.thaigov.go.th