(22 ธ.ค. 2558) ณ โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพฯ - ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในงานประกาศผลการจัดอันดับ 10 ข่าวดังด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ประจำปี 2558 โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นผู้จัดสำรวจ เพื่อส่งเสริมและยกระดับความรู้ ความเข้าใจข่าวสารวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้ประชาชนคนไทยเข้าถึงเหตุผลและหลักการพิสูจน์บนพื้นฐานความเป็นจริง อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดความสนใจและตระหนักถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ถือว่าเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินชีวิต และนำองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ดร.พิเชฐ กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมไทยยังให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์ไม่มากนัก เราจึงต้องหาวิธีคิดที่จะทำให้เกิดกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้กลุ่มเยาวชนและประชาชนทั่วไปเกิดความสนใจ อยากที่จะเรียนรู้ เช่น งานมหกรรมวิทยาศาตร์แห่งชาติ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในแง่ของการสร้างความบันเทิงด้านวิทยาศาสตร์และนับเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนเข้าถึงวิทยาศาสตร์ได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการตรวจเยี่ยมพื้นที่ชุมชนตามจังหวัดต่างๆ เพื่อเป็นการนำความรู้ด้านวิทยาสาสตร์ไปสู่ชุมชน และเพื่อทำให้ชุมชนมีความรู้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และในปี พ.ศ. 2559 กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะเดินหน้าทำงานด้านยุทธศาสตร์มากยิ่งขึ้นเพื่อให้เกิดมิติใหม่ๆ เช่น การสร้างธุรกิจใหม่หรือที่เรียกกันว่า Startup คือ ธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่และมุ่งหวังให้กิจการเติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด เพื่อให้เกิดการขยายตัวด้านนวัตกรรมมากยิ่งขึ้น
ด้าน ดร.ชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ โดย สวทช. จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 22 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป มีความตระหนักและเข้าใจในองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างกระแสความนิยมและส่งเสริมความเข้าใจข่าวด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในสังคมไทย
การสำรวจและจัดอันดับ 10 ข่าวดังด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ครั้งนี้ได้รวบรวมข่าวด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2557 - 15 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งข่าวที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกมีจำนวนทั้งสิ้น 21 ข่าว แบ่งเป็นข่าวในประเทศ 16 ข่าว และต่างประเทศ 5 ข่าว โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ รวม 15 หน่วยงาน และสื่อมวลชนสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ร่วมกันพิจารณาข่าวในหลากหลายแง่มุมในประเด็นข่าวที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ซึ่งได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลผลสำรวจจากนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมสำรวจและจัดอันดับ 10 ข่าวดังด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ต่างจังหวัด และผ่านทางระบบออนไลน์ และแบบสอบถาม จำนวนทั้งสิ้นกว่า 1,550 คน” โดย 10 ข่าวดังที่ได้รับการจัดอันดับดังนี้คือ
อันดับที่ 1 ข่าว “อุกกาบาต...ลูกไฟปริศนาตกจากฟ้า”
เช้าวันที่ 7 กันยายน 2558 มีผู้บันทึกภาพลูกไฟพวยพุ่งจากท้องฟ้าสว่างวาบ โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ให้ข้อมูลว่าเป็น “อุกกาบาต” เส้นผ่านศูนย์กลาง 3.5 เมตร น้ำหนัก 66 ตัน ความเร็วที่พุ่งเข้ามาในโลกวัดได้มากมากกว่า 75,600 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีค่าเทียบเท่าการระเบิดของทีเอ็นที 3.9 กิโลตัน ในเวลาห่างกันไม่นานนัก ค่ำคืนของวันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 พบลูกไฟสว่างวาบ สีเขียว ตกลงมาจากฟ้าอีกครั้ง โดยเบื้องต้น สดร. คาดว่าจะเป็นลูกไฟที่เกิดจากวัตถุขนาดเล็กผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วสูงมาก เสียดสีจนเกิดความร้อนจนลุกไหม้ เห็นเป็นลูกไฟสว่างและมีควันขาวเป็นทางยาว
อันดับที่ 2 ข่าว “มหันตภัยไวรัสเมอร์ส”
แม้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2558 ก็ตาม แต่เหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสเมอร์สก็ยังคงอยู่ในความสนใจของคนทั่วไปอยู่ เนื่องจากการแพร่ระบาดในครั้งนี้พบผู้ป่วยไวรัสเมอร์สใน 26 ประเทศ มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน และมีการแพร่ระบาดรุนแรงในเกาหลีใต้ และเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2558 พบผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากตะวันออกกลางติดเชื้อไวรัสเมอร์สรายแรกในประเทศไทย และได้เข้ารับการรักษาตามมาตรฐานและปลอดภัยจากการเป็นผู้ป่วยโรคเมอร์ส
อันดับที่ 3 ข่าว “จันทรุปราคาเต็มดวงสีแดง”
ปรากฏการณ์จันทรุปราคาแบบเต็มดวงครั้งนี้เกิดขึ้นในคืนวันที่ 4 เมษายน 2558 มองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงเป็นสีแดงอิฐ เนื่องจากได้รับแสงสีแดงซึ่งเป็นคลื่นที่ยาวที่สุด หักเหผ่านบรรยากาศโลกไปกระทบกับดวงจันทร์ ซึ่งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ได้จัดกิจกรรมตั้งกล้องโทรทรรศน์ขนาดต่างๆ กว่า 40 กล้อง ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ซึ่งเป็นการตั้งกล้องโทรทรรศน์เพื่อสังเกตการณ์จำนวนมากที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ สดร. ยังร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายตั้งจุดสังเกตปรากฏการณ์อีก 3 แห่งคือที่ จ.เชียงใหม่ จ.นครราชสีมา และ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งตลอดเวลา 5 นาทีที่เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง ตั้งแต่เวลา 18.57 - 19.02 น. ช่างภาพและประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมต่างให้ความสนใจเก็บภาพดวงจันทร์สีแดงกันอย่างคึกคัก
อันดับที่ 4 ข่าว“กลับมาอีกครั้งกับปรากฏการณ์ ‘พระจันทร์ยิ้ม’ ”
ในค่ำคืนของวันที่ 19 - 21 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมาได้เกิดปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือนที่เป็นดาวศุกร์และดาวพฤหัสบดีอยู่เคียงจันทร์เสี้ยวในช่วงหัวค่ำทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ โดยสามารถมองเห็นเหมือน “พระจันทร์ยิ้ม” เป็นเวลาถึง 3 วัน
อันดับที่ 5 ข่าว “เผยภาพถ่ายดาวเทียมเหตุการณ์แผ่นดิวไหวประเทศเนปาล”
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) บันทึกภาพบริเวณพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาลด้วยดาวเทียมไทยโชต เพื่อดูสภาพการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ก่อนและหลังโดยได้บันทึกภาพเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2558 เวลา 12.10 น. ตามเวลาในประเทศไทย และทำการเปรียบกับข้อมูลภาพก่อนเกิดแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2557 และได้ส่งแผนที่ดังกล่าวให้กับองค์การสหประชาชาติด้วยในฐานะที่เป็นตัวแทนประเทศไทยในโครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก หรือ RESAP เพื่อสนับสนุนข้อมูลให้กับประเทศสมาชิกในกรณีเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ
อันดับที่ 6 ข่าว “เปิดปมปริศนาไฟไหม้บ้านที่พัทลุง”
เราคงยังจำเหตุการณ์กรณีที่ไฟปริศนาลุกไหม้สิ่งของเครื่องใช้นับร้อยครั้งที่บ้านหลังหนึ่งใน จ.พัทลุง แต่กลับไม่สามารถหาสาเหตุของการเกิดได้ ทำให้หลายฝ่ายคาดว่าน่าจะเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ มีการออกข่าวอย่างครึกโครม จนทำให้หลายหน่วยงานต้องลงพื้นที่ร่วมกันพิสูจน์หาต้นเหตุของการเกิดไฟปริศนา แม้ว่าจะมีบุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์ออกมายืนยันว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติแต่อย่างใด และเป็นไปไม่ได้ที่สิ่งของต่างๆ จะลุกไหม้หรือติดไฟได้เอง แต่ยังไม่ทำให้สังคมคลายความสงสัยลงไปได้ ภายหลังได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในบ้าน จึงได้พบภาพหญิงสาวที่นั่งอยู่คล้ายกำลังจุดไฟ จากนั้นจึงเรียกเด็กที่อยู่บริเวณใกล้เคียงมาชี้จุดเกิดเหตุ เพื่อเรียกให้คนในบ้านช่วยกันดับไฟที่ลุกโชนขึ้นมา เมื่อภาพดังกล่าวปรากฏออกไปจึงคลายความสงสัยของคนในสังคมไปโดยปริยาย
อันดับที่ 7 ข่าว “เมือกหอยทากไทยก้าวไกลสู่อุตสาหกรรมความงาม”
ข่าวนี้สาวไทยของเราคงจะให้ความสนใจและตื่นตัวกันไม่น้อย บางท่านอาจจะคุ้นเคยและนิยมใช้เครื่องสำอางหอยทากอันโด่งดังจากเกาหลี ต่อไปนี้เราคงต้องหันมาส่งเสริมและหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบรนด์ไทยเรา เมื่อมีผลการศึกษาของนักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ได้ค้นพบนวัตกรรมครั้งสำคัญพบว่า เมือกหอยทากของไทยที่มีชื่อว่า “หอยนวล” มีสารนานาชนิดที่มีคุณประโยชน์มากมาย เหมาะต่อการซ่อมแซมและบำรุงผิวพรรณ จึงจัดได้ว่าเป็นเมือกที่มีคุณภาพ สามารถนำมาต่อยอดหรือพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมทางด้านเครื่องสำอางและธุรกิจความงามได้
อันดับที่ 8 ข่าว “นาซ่าเฮ! ยานสำรวจอวกาศพิชิตดาวพลูโต”
ด้วยระยะทางจากโลกไปยังดาวพลูโตที่โคจรอยู่ขอบสุดในระบบสุริยะจักรวาลไกลมากถึง 3 พันล้านไมล์ แต่ในที่สุดยานสำรวจ “นิวฮอไรซันส์” ที่ถูกส่งไปในอวกาศเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2549 เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญในการสำรวจดาวพลูโตและดาวเคราะห์แคระดวงอื่นๆ หลังจากที่ออกจากโลกไปเป็นเวลาถึง 9 ปี สามารถเดินทางไปยังดาวพลูโตได้สำเร็จอย่างงดงาม โดยได้มีการถ่ายทอดสดผ่านทางช่องนาซ่าทีวี
อันดับที่ 9 ข่าว “นาซ่าเผยพบน้ำไหลบนดาวอังคาร”
ในวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา นอกเหนือจากจะเกิดปรากฏการณ์ซุปเปอร์มูนและจันทรุปราคาเต็มดวงแล้ว ยังถือว่าเป็นวันที่นาซ่าได้ประกาศการค้นพบร่องรอยการไหลของน้ำบนดาวอังคาร ซึ่งถือเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของวงการวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์โลก โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าร่องรอยสีดำที่เกิดขึ้นเป็นพวกแร่ธาตุและผลึกเกลือที่ละลายอยู่กับน้ำ
อันดับที่ 10 ข่าว “ซุปเปอร์มูนและจันทรุปราคา...2 ปรากฏการณ์ใน 1 วัน”
ตอนค่ำของวันที่ 28 กันยายน 2558 คนไทยได้เฮเมื่อเกิดปรากฏการณ์ซุปเปอร์มูน ที่ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดในรอบปีที่ระยะห่าง 356,896 กิโลเมตร สามารถมองเห็นดวงจันทร์สว่างและมีขนาดใหญ่กว่าปกติ ประมาณ 2-3 % สำหรับผู้ที่พลาดชมในปีนี้ต้องรอปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นนี้อีกครั้งในปี 2576 โดยในช่วงเช้าของวันที่ 28 กันยายนนั้น ได้เกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงขึ้น แต่ประเทศไทยไม่สามารถมองเห็นได้เนื่องจากตรงกับเวลากลางวัน แต่จะเห็นได้ชัดเจนในแถบอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ มหาสมุทรแอตแลนติก ยุโรป แอฟริกา และด้านตะวันตกของเอเชีย
ดร.พิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผลการสำรวจในครั้งนี้มีข่าวทางด้านอวกาศและดาราศาสตร์มากถึง 6 ข่าว อาจเนื่องจากเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หาชมได้ยาก และสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่พบเห็นหรืออยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้กันผ่านทางโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่คนไทยหันมาศึกษา ค้นหาคำอธิบายต่อการเกิดปรากฏการณ์ต่างๆ มากขึ้น หรือแม้แต่ข่าวภาพสำรวจอวกาศที่ถือเป็นการค้นพบครั้งสำคัญของโลก ซึ่งเป็นข่าวที่คนไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้เทคโนโลยีอวกาศและการประยุกต์ใช้ใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น และกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ให้ความสำคัญการสร้างองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นอย่างมาก เพื่อช่วยกันสร้างประเทศไทยของเราให้เป็นสังคมฐานความรู้เพิ่มพูนให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
ด้าน ดร.ชฎามาศ กล่าวเสริมว่า “จากผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังคงให้ความสนใจกับข่าวใกล้ตัวที่มีผลกระทบทั้งต่อชีวิตของตนเองและชุมชนใกล้เคียง โดยทุกข่าวล้วนมีข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นองค์ความรู้แทรกอยู่ในทุกข่าว ซึ่งผลสำรวจนี้นอกจากจะเป็นแรงกระตุ้นความสนใจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นข้อมูลข่าวสารทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประชาชนมากขึ้นแล้ว ขณะเดียวกันนักวิจัยหรือนักวิทยาศาสตร์เองจะเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน และนำผลงานต่างๆ เผยแพร่และเข้าถึงสาธารณชนให้มากขึ้น โดยเฉพาะการสื่อสารด้านวิทยาศาสตร์ที่ต้องสร้างความเข้มแข็งและนำสู่การถ่ายทอดองค์ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องสู่ประชาชน เพื่อช่วยให้เกิดกระบวนการคิดแบบวิทยาศาสตร์ และสามารถนำกระบวนการคิดนี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป”
ที่มาข้อมูล :ฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
ข่าวโดย : นางสาวชลธิชา แสงเทียนสุวรรณ
กลุ่มงานประชาสัมพันธ์
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3728 - 3732 โทรสาร 0 2333 3834
e-mail : pr@most.go.th
Facebook : sciencethailand
Call Center กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โทร.1313
ที่มา: http://www.thaigov.go.th