นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุม คตช. ครั้งที่ 1/59 สั่งการรวบรวมผลการดำเนินงานของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริต เตรียมประชาสัมพันธ์ผลการปฏิบัติงานให้เป็นที่รับรู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ข่าวทั่วไป Thursday January 14, 2016 11:43 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุม คตช. ครั้งที่ 1/2559 สั่งการให้รวบรวมผลการดำเนินงานของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตของทุกภาคส่วน เตรียมประชาสัมพันธ์ผลการปฏิบัติงานไปยังส่วนราชการ-ภาคเอกชนในประเทศและต่างประเทศให้เป็นที่รับรู้อย่างทั่วถึง

วันนี้ (15 ม.ค.59) เวลา 09.00 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ครั้งที่ 1/2559 โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม

ภายหลังการประชุม พลเอก ชาตอุดม ติตถะสิริ ประธานกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ กรรมการและเลขานุการ คตช. นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นางสาวชุณหจิต สังข์ใหม่ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง กรมบัญชีกลาง และ ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ร่วมกันแถลงผลการประชุม สรุปสาระสำคัญดังนี้

ที่ประชุม คตช. รับทราบสรุปผลการดำเนินงานของ คตช. ในปี 2558 ที่มีการประชุมทั้งหมด 7 ครั้ง โดยมีความคืบหน้าของงานต่าง ๆ ตามข้อสั่งการในที่ประชุม คตช. และ คตช. ได้นำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้คณะรัฐมนตรีสั่งการไปยังส่วนราชการนำไปปฏิบัติ ซึ่งจากการประชุมทั้ง 7 ครั้งที่ผ่านมา ที่ประชุม คตช. วันนี้ได้สั่งการให้มีการรวบรวมผลงานการดำเนินการของรัฐบาล เพื่อทำการประชาสัมพันธ์ภายในประเทศไปยังส่วนราชการและภาคเอกชน รวมทั้งประชาสัมพันธ์กระจายข่าวสารให้ต่างประเทศรับทราบถึงการดำเนินงานต่อต้านการทุจริตและต่อต้านการคอร์รัปชั่นของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งจะได้ประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวางไปยังสถานทูต และภาคเอกชนต่างชาติที่ประกอบธุรกิจในไทย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการต่อต้านการทุจริตว่าไม่ใช่ดำเนินการเฉพาะในส่วนราชการ ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายตุลาการ แต่ให้ความสำคัญในการที่จะต้องขยายไปถึงภาคเอกชน โดยต้องได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมไปพิจารณาถึงการปรับปรุงเพิ่มเติมหรือแก้กฎหมาย เพื่อให้มีกระบวนการในการต่อต้านการทุจริตของชาติที่เป็นไปอย่างครบกระบวนการ ขณะที่ในงานด้านการปลูกจิตสำนึกและสร้างการรับรู้ ที่ประชุม คตช. เน้นไปที่โรงเรียนโดยให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ.นำหลักสูตรโตไปไม่โกงไปดำเนินการ และให้เพิ่มระบบ E-Learning ในหลักสูตรตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษา รวมทั้งให้มีการจัดทำการ์ตูนแอนนิเมชั่นเพื่อความสะดวกกับผู้เรียนและผู้สอน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการดำเนินงานที่ผ่านมาในปี 2558 และจะได้เผยแพร่ขยายผลต่อไปในปี 2559

ด้านสำนักงาน ป.ป.ท. ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ได้เสนอที่ประชุม คตช. 2 เรื่อง คือ 1. ความคืบหน้าในการตรวจสอบติดตามโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล ตำบลละ 5 ล้านบาท ซึ่ง ศอตช. ได้ให้คำแนะนำให้คำปรึกษากับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ โดยไปประชุมชี้แจงกับทุกส่วนราชการทุกจังหวัด และมีการจัดชุดปฏิบัติการร่วมกับจังหวัดเพื่อเป็นการป้องปราม 2. โครงการของขวัญปีใหม่ ซึ่ง ศอตช. โดยกระทรวงยุติธรรมได้นำเสนอเพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของพี่น้องประชาชน และเพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาทุจริตในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมดกว่า 7,000 แห่งที่มีงานด้านโยธาไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้าง การขออนุมัติ อนุญาต หรือการซ่อมบำรุงต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง เช่น ถนนที่สร้างไปแล้วเกิดความเสียหาย ไม่มีการซ่อมแซม ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการสัญจร เป็นต้น ก็จะมีการเข้ามาแก้ปัญหานี้โดยความร่วมมือของกรมบัญชีกลางกับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ที่จะสร้างฐานข้อมูลขึ้นเพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างที่ผ่านมา ว่ามีการดำเนินโครงการที่ไหนอย่างไร และหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนก็สามารถแจ้งมาที่สำนักงาน ป.ป.ท. ได้ ซึ่ง ป.ป.ท. ในฐานะเลขานุการ ศอตช. จะไปติดตามตรวจสอบ หากพบว่ามีความเดือดร้อนจริง ป.ป.ท. จะแจ้งให้ต้นสังกัดดำเนินการแก้ไข

นอกจากนี้ ที่ประชุม คตช. มอบหมายงานให้ ป.ป.ท. ดำเนินการใน 3 เรื่องคือ 1. การกำหนดราคากลางและแบบก่อสร้าง เนื่องจากราคากลางเป็นประเด็นสำคัญในการจัดซื้อจัดจ้าง ถ้ากำหนดราคาที่ไม่เป็นจริง กำหนดราคาสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป งานที่ออกมาก็จะไม่ตรงกับความต้องการ ที่ประชุมจึงมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ประชุมหารือกำหนดราคากลางให้มีความถูกต้องเหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้มีแบบกลางของสิ่งก่อสร้างทั่วประเทศที่เป็นมาตรฐาน 2. มอบหมายให้ ศอตช. ร่วมกับส่วนที่เกี่ยวข้องไปติดตามรวบรวมมติและมาตรการต่าง ๆ ของ คตช. ที่ดำเนินการผ่านมาจำนวนมากว่ามีความคืบหน้ามีปัญหาอุปสรรคอย่างไร 3. ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านทุจริตประจำกระทรวง 35 แห่งที่ได้ตั้งขึ้นเมื่อปี 2555 และมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องแต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าศูนย์ฯ ไม่มีบุคลากรเป็นของตัวเอง ซึ่งในการประชุม คตช. ครั้งที่ผ่านมาได้มอบหมายให้ศูนย์ดังกล่าวทำหน้าที่ติดตามการดำเนินงานตามแผนงานโครงการของกระทรวงต่าง ๆ และให้ติดตามการดำเนินการเกี่ยวกับด้านปกครองวินัยของข้าราชการในกระทรวง ฉะนั้น ศูนย์ดังกล่าวจึงควรมีบุคลากรและมีงบประมาณที่สามารถปฏิบัติงานได้จริง นายกรัฐมนตรีจึงได้มอบหมายให้ ศอตช. ไปหารือในการนำบุคลากรที่มีอยู่ในกระทรวง กรม ที่มีภารกิจทำนองเดียวกันมาบูรณาการร่วมกัน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่การทำข้อตกลงคุณธรรม หรือ IP : Integrity Pact มีความคืบหน้าของการดำเนินการมาแล้ว 1 ปี ผลงานที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่ทำโครงการจัดซื้อจัดจ้างและทำ IP อย่างดียิ่ง ระหว่าง 3 ฝ่ายคือฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างหรือหน่วยงานภาครัฐ กับฝ่ายที่มาซื้อซอง และฝ่ายผู้สังเกตการณ์ ซึ่งฝ่ายผู้สังเกตการณ์เป็นเรื่องใหม่ที่ดำเนินการในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาและได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่ง เช่น โครงการย้ายโรงงานยาสูบไปที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และการรับรู้ของหน่วยงานส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจที่ทำงานเรื่องนี้ก็มีความก้าวหน้าอย่างดียิ่ง ซึ่งหน่วยงานก็ได้ไปให้ข้อแนะนำในบางประเด็นที่เป็นเชิงเทคนิค เพื่อทำให้การจัดซื้อจัดจ้างดีขึ้น ซึ่งในปีงบประมาณ 2559 นี้มี 12 โครงการของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่คัดเลือกแล้วว่ามีความสำคัญ มีมูลค่าโครงการมากกว่า 500 ล้านบาทขึ้นไป

ด้านสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ได้รายงานที่ประชุม คตช. ถึงเรื่องระบบ ภาษีไปไหน ซึ่งที่ประชุมมีมติให้กรมบัญชีกลาง กับ สรอ. ร่วมมือกันพัฒนาระบบในการนำข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานราชการ มาทำเป็นระบบข้อมูลให้ประชาชนเข้าไปค้นหาได้ โดยมีการเชื่อมข้อมูลลงไปบนแผนที่ ประชาชนสามารถเข้าไปดูได้ว่าในพื้นที่ของตนมีโครงการอะไรที่หน่วยงานภาครัฐลงไปทำได้บ้าง รวมทั้งมีข้อมูลรายงานให้ประชาชนทราบว่าในเดือนที่ผ่านมาหน่วยงานมีการเซ็นสัญญาไปแล้วกี่โครงการ ใช้เงินไปแล้วเท่าไร ทั้งนี้ ที่ประชุม คตช. แนะให้มีการต่อยอดโดยให้พัฒนาเป็นแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือหรือ Mobile App ด้วย

----------------------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ