นรม. ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยกันดำเนินการเรื่อง One Map ให้ เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง

ข่าวทั่วไป Thursday January 21, 2016 15:45 —สำนักโฆษก

วันนี้ (21 ม.ค.59) เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในโอกาสเปิดงานชี้แจงแนวทางการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน 1:4000 (One Map) โดยมีผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วย พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตัวแทนหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและผู้ว่าราชการจังหวัดตลอดจนคณะสื่อมวลชน รวมทั้งสิ้นประมาณ 300 คน

หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้ชมนิทรรศการและการนำเสนอข้อมูลผ่านระบบวีดีทัศน์แล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานครั้งนี้ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี มีมติในคราวประชุมเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2558 ได้สั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่งดำเนินการพิจารณากำหนดแนวเขตป่าไม้ใหม่ โดยจัดทำเป็นแผนที่ดิจิทัล มาตราส่วน 1:4000 ให้แล้วเสร็จโดยเร็วนั้น

ต่อมาในวันที่ 22 กันยายน 2558 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 และแต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 (One Map) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการ มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย อำนวยการและกำกับดูแลการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 แบบดิจิทัลและรูปแบบอื่น ๆ ที่เหมาะสม เพื่อให้ทุกส่วนราชการใช้และยึดถือเป็นแนวทางเดียวกัน

หลังจากนี้ คณะกรรมการฯ และคณะอนุกรรมการฯ จะเร่งขับเคลื่อนดำเนินการในขั้นตอนต่อไปเพื่อให้สามารถสรุปผลขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และนำสู่การแก้ไขกฎหมายและติดตามผลให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2559 โดยจะทำให้หน่วยงานของรัฐสามารถใช้แผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ 1:4000 ทั้งประเทศ เพื่อให้สามารถบริหารพื้นที่ของรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสของการทุจริต การบุกรุกหรือรุกล้ำพื้นที่ ซึ่งจะทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศหมดสิ้นไป ตลอดจนลดข้อพิพาทระหว่างประชาชนและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวกับเรื่องที่ดินต่อไป

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงานพร้อมมอบนโยบายในการดำเนินการฯ สรุปความว่า การที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ป่าของประเทศไทยคงเหลือเพียงร้อยละ 32 ของพื้นที่ป่าไม้ทั้งหมด เนื่องจากที่ผ่านมาได้ปล่อยให้มีการบุกรุกพื้นที่สาธารณะโดยไม่มีการดำเนินการอย่างเข้มงวดและจริงจัง

จากปัญหาดังกล่าว รัฐบาลจึงได้กำหนดนโยบายในเรื่องการรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนในระยะเร่งด่วน คือเร่งปกป้องและฟื้นฟูพื้นที่อนุรักษ์ ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า โดยให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐให้ชัดเจน เร่งรัดกระบวนการพิสูจน์สิทธิการถือครองที่ดินในเขตที่ดินของรัฐ โดยนำระบบสารสนเทศมาใช้เพื่อการบริหารจัดการ ปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัยและสร้างบรรทัดฐานในการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพและการบริหารจัดการจัดทำทะเบียนผู้ถือครองที่ดินในที่ดินของรัฐ ปรับปรุงกลไกการบริหารจัดการที่ดินของรัฐและเอกชนให้มีเอกภาพเพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายด้านที่ดินในภาพรวม

ทั้งนี้ รัฐบาลวางเป้าหมายว่าภายในปี พ.ศ. 2559 จะต้องนำพื้นที่ป่าคืนให้กับประเทศและประชาชนได้คิดเป็นร้อยละ 40 ของประเทศทั้งหมด จึงมีความจำเป็นต้องมีการปรับปรุงให้ประเทศไทย มีแนวเขตที่ดินของรัฐที่ถูกต้อง ทันสมัย อยู่บนมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ คือ มาตราส่วน 1 : 4000 เพื่อให้แนวเขตที่ดิน

ไม่ว่าจะเป็นที่ดินของรัฐ หรือที่ดินของเอกชน ต่อกันได้สนิท ไม่ทับซ้อน หรือมีช่องว่าง สามารถนำไปกำหนดนโยบายในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างคุ้มค่า ลดความเหลื่อมล้ำ และคืนความชอบธรรมให้กับประชาชนอย่างแท้จริง

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำ เพิ่มเติมว่า ขอให้ทั้งภาครัฐ และภาคประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ได้มีส่วนช่วยกันธำรงรักษาทรัพยากรป่าไม้ให้คนไทยสามารถดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและยั่งยืน ขณะเดียวกัน ขออัญเชิญพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2521 ดังความตอนหนึ่งว่า “ธรรมชาติแวดล้อมของเรา ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดิน ป่าไม้ ทะเลและอากาศ มิได้เป็นเพียงสิ่งสวย ๆ งาม เท่านั้น หากแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของเราและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของเราไว้ให้ดี นี้ก็เท่ากับเป็นการปกป้องรักษาอนาคตไว้ให้ลูกหลานของเราด้วย” ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนได้น้อมนำพระราชดำรัชดังกล่าวไปเป็นแนวทางในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจต่อไปด้วย

**************************

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงานการประชาสัมพันธ์

สุภิญญา รายงาน

ดวงใจ ตรวจ

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ