รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้สืบเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายในการผลิตและพัฒนากำลังคน โดยส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีศักยภาพสูงสุด โดยเฉพาะกำลังคนระดับกลาง ให้มีสมรรถนะทักษะวิชาชีพที่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ สอศ.และสถานประกอบการซึ่งเป็นภาคีเครือข่าย จึงเร่งดำเนินการพัฒนาปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนในระบบทวิภาคีให้มีความเข้มข้นทั้งหลักสูตร กระบวนการฝึกทักษะวิชาชีพ ฝึกประสบการณ์ การประเมินผล สำหรับการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีจำนวนผู้เรียนและจำนวนสถานประกอบการเข้าร่วมจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีเพิ่มมากขึ้น มีผู้เรียน จำนวน 91,444 คน มีสถานประกอบการที่เข้าร่วมจำนวน 10,527 แห่ง และจะกำหนดให้มีปริมาณมากขึ้นกว่าร้อยละ 30 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเร่งสร้างคุณภาพให้ได้ตามมาตรฐาน และสร้างมาตรฐานเทียบเคียงให้ได้กับระดับนานาชาติ รวมทั้ง ต้องเร่งสร้างความเข้าใจ เผยแพร่ความสำเร็จของการผลิตกำลังคนซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาทั้งภาครัฐ และเอกชนให้กับผู้ประกอบการ ด้วยแนวคิด “ทวิภาคีเพื่อการปฏิรูปอาชีวศึกษา : ร่วมมือ เชื่อมโยง ด้วยภาคีเครือข่ายพัฒนากำลังคน”
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกล่าวปาฐกถาเรื่อง “อาชีวศึกษา ฝีมือชน คนสร้างชาติ” ในงานอาชีวศึกษาทวิภาคีไทยว่า รัฐบาลเห็นถึงความก้าวหน้าในการที่จะผลิตคนออกมาให้ตรงกับความต้องการของประเทศ การดำเนินการในเรื่องใดจะต้องทำให้ครบวงจรทั้งระบบตั้งแต่ต้นทาง กลางทางจนถึงปลายทาง ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทั้งระบบ จึงต้องมีการสร้างกระบวนการเรียนรู้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง โดยเฉพาะการฝึกฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกับการสร้างเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทยที่เน้นในเรื่องของเกษตรอุตสาหกรรม การวิจัยและพัฒนา สร้างนวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างความเข้มแข็งและรายได้ใหม่ที่ไม่พึ่งพิงรายได้จากการเก็บภาษีและการส่งออกเพียงอย่างเดียว เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวทันกับประเทศอื่น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาชีวะถือเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศ เพราะบุคคลเหล่านี้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการทุกประเภท รวมทั้งการอุปโภคบริโภค ตลอดจนการผลิตของโรงงานและสถานประกอบการต่าง ๆ โดยแนวทางในการดำเนินงานของรัฐบาลขณะนี้คือการคิดแต่ต้นทาง กลางทาง ถึงปลายทาง ให้เกิดการเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบโดยความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในการร่วมกับขับเคลื่อนและเดินหน้าเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ อย่างไรก็ตามการที่จะผลิตทรัพยากรบุคคลให้มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของประเทศและตลาดแรงงานต่างประเทศนั้น สิ่งสำคัญนอกจากการศึกษาในห้องเรียนแล้วต้องมีการเรียนรู้ในด้านต่าง ๆ เช่น ภาษาต่างประทศ เทคโนโลยี การฝึกประสบการณ์ ฯลฯ ควบคู่ไปด้วย เพื่อเสริมสร้างทักษะและศักยภาพของตนเองเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพและรองรับการปรับตำแหน่งหน้าที่ที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันต้องมีการเรียนรู้จากข้างในให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีคุณธรรม จริยธรรมในองค์กร เพื่อทำให้ประเทศชาติเกิดความสงบสุข และร่วมกันพัฒนาขับเคลื่อนประเทศไปให้ได้ พร้อมทั้ง ฝากให้ภาคเอกชนและผู้ประกอบการส่งเสริมสนับสนุนให้มีการศึกษาและเรียนรู้ทักษะภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น จีน ฯลฯ ให้กับบุคลากรภายในสถานประกอบการเพื่อจะได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างต่อเนื่องให้มีความพร้อมรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน แต่การภาษาไทยก็ต้องใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความร่วมมือระบบทวิภาคีต้องชัดเจนมากขึ้นและต้องผลิตทรัพยากรบุคคลให้สอดคล้องตรงกับความต้องการของตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ยกระดับเพิ่มขีดความสามารถไปสู่การพัฒนาฝีมือแรงงานที่มีมาตรฐานและได้รับการยอมรับจากภาคเอกชนและภาคธุรกิจ มีการประเมินผลเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายและเน้นการใช้ผลผลิตต้นทางที่มีอยู่ในพื้นที่หรือท้องถิ่นเป็นหลักให้เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ รวมถึงออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาดและสร้าง story บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ให้มีความน่าสนใจและแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างและโดดเด่นจากผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นอื่นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ขณะเดียวกันต้องมีการสร้างองค์ความรู้แรงบันดาลใจ และมีความทะเยอทะยานอยู่ในกรอบที่ถูกต้องในการที่จะสร้างตัวเองให้เข้มแข็งให้ไปอยู่ในจุดที่ตนเองต้องการ และต้องมีการใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเหมาะสมกับฐานะของตนเองด้วย
-----------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th