“ท่านนายกฯ เห็นว่า การแก้ปัญหาดังกล่าวจะต้องดูหลายมิติ ทั้งเรื่องกฎหมาย การสร้างจิตสำนึกที่ดี การสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวและสังคม เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนในประเทศและป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีก หากการใช้กฎหมายหนักขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่สามารถยุติปัญหาได้ก็ต้องพึงระวัง เช่น การออกมาตรการเมาแล้วขับจับยึดรถ แม้สังคมจะชื่นชมและเห็นด้วย แต่ก็ยังมีสถิติผู้เสียชีวิตจากการเมาแล้วขับเป็น จำนวนมาก”
พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวท่านนายกฯ เข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อแม่และญาติพี่น้องของผู้เสียหาย และรู้สึกเจ็บปวด ไม่พอใจผู้กระทำผิดเช่นเดียวกับคนทั่วไป แต่นายกรัฐมนตรีก็ต้องมองปัญหาในฐานะที่เป็นรัฐบาล ซึ่งจะต้องพิจารณาในภาพรวมอย่างรอบคอบและเป็นสากลด้วย ในมุมตรงกันข้ามหากใช้ยาแรงหรือบังคับใช้กฎหมายอย่างรุนแรงที่สุด อาจยิ่งส่งเสริมให้ผู้กระทำผิดทำร้ายเหยื่อจนถึงแก่ชีวิต เพราะคิดว่า จะได้ไม่เหลือหลักฐานสำหรับการเอาผิดตนเองซึ่งจะมีผลถึงการรับโทษขั้นรุนแรง เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน
“ท่านนายกฯ ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมไปศึกษาข้อมูลและหาทางออกในเรื่องดังกล่าว โดยนำกรณีศึกษาจากประเทศต่าง ๆ มาเปรียบเทียบด้วย เพื่อให้เกิดการยอมรับตามหลักสากล และขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันคิดอย่างรอบด้าน เน้นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด เกิดความยั่งยืน ปลูกฝังให้คนทำความดีและเกรงกลัวที่จะทำความชั่วควบคู่กันไปด้วย”
*********************************
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th