1. สิทธิประโยชน์เร่งรัดการลงทุนในปี 2559
1.1 การหักค่าเสื่อมราคาได้ 2 เท่า ในปี 2559 สำหรับการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนในทรัพย์สินใหม่ภายใน 31 ธันวาคม 2559 ได้แก่ เครื่องจักร ส่วนประกอบ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ยานพาหนะ และอาคารถาวร (ไม่รวมที่ดินและอาคารถาวรที่ใช้เพื่อการอยู่อาศัย)
1.2 มาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ซึ่งเป็นการปรับปรุงกระบวนการขั้นตอนในการจัดเตรียมและพิจารณาโครงการ PPP จากเดิมที่ใช้เวลา 25 เดือน ให้เหลือ 9 เดือน
2. สิทธิประโยชน์สำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมอนาคตของไทย (New Growth Engine)
2.1 สิทธิประโยชน์สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
- ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 10-15 ปี
- ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
- เงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการลงทุน การทำวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม การพัฒนาบุคลากรเฉพาะด้าน และดอกเบี้ยเงินกู้ ผ่านกองทุน Competitiveness Enhancement Fund ขนาด 10,000 ล้านบาท
2.2 การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยยกเว้นภาษีสรรพสามิต อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และให้นำมูลค่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ต้นแบบทั้งจำนวนมาหักค่าเสื่อมราคาได้ สำหรับการนำเข้ายานพาหนะต้นแบบเพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนา
2.3 การหักค่าใช้จ่ายจากการวิจัยและพัฒนาได้ 3 เท่า ในช่วงปี 2558-2562
2.4 Thailand Future Fund ซึ่งเป็นกลไกให้เอกชนได้ร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ มูลค่าการระดมทุน 100,000 ล้านบาท
3. สิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับการใช้ประเทศไทยเป็นฐานการลงทุนในอาเซียน
3.1 สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (IHQ) และบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (ITC) อาทิ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายได้จากการให้บริการแก่วิสาหกิจในเครือ การลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือร้อยละ 10 สำหรับรายได้จากการให้บริการและค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือในไทย และการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติเหลือร้อยละ 15
3.2 สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) อาทิ การลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือร้อยละ 10 สำหรับรายได้จากสินค้าและบริการที่เกิดขึ้นในพื้นที่พิเศษเป็นเวลา 10 ปี และการยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
ชุดมาตรการนี้ นอกจากจะเป็นแรงผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในปี 2559 สามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ผ่านการลงทุนภาคเอกชนที่จะมาเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เสริมเพิ่มขึ้นจากเครื่องยนต์การใช้จ่ายภาครัฐและการท่องเที่ยวที่เป็นกำลังหลักในปี 2558 และการบริโภคภาคเอกชนที่จะได้รับผลบวกจากความเชื่อมั่นที่ปรับดีขึ้นตามลำดับแล้ว การลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายและการดึงดูดการลงทุนโดยตรงที่มีคุณภาพจากต่างประเทศจะช่วยเพิ่มระดับการลงทุนของประเทศไทยที่ปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนรวมอยู่ที่เพียงร้อยละ 24 ต่อ GDP และอยู่ในระดับต่ำมาตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ให้ก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับที่ทัดเทียมกับการลงทุนของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค และยิ่งไปกว่านั้นจะเป็นการยกระดับศักยภาพของเศรษฐกิจไทยในอนาคต
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3253
ที่มา : กระทรวงการคลัง
ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th