นางสาวอนุสรี กล่าวว่า โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เป็นนโยบายสำคัญระดับชาติ ตามแผน บูรณาการการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต มุ่งเน้นให้เด็กแรกเกิดได้รับการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ และมีพัฒนาการเหมาะสมตามวัย เพื่อเติบโตเป็นประชากรที่มีคุณภาพในอนาคต รวมทั้งเป็นหลักประกันให้เด็กได้รับสิทธิ์ด้านการอยู่รอด และการพัฒนาตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ เห็นชอบหลักการโครงการเงินอุดหนุน เพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด โดยให้เงินอุดหนุนแก่เด็กแรกเกิดที่อยู่ในครัวเรือนยากจนและครัวเรือนที่เสี่ยงต่อความยากจน ซึ่งเกิดระหว่าง วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ รายละ ๔๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน เป็นเวลา ๑ ปี โดยรัฐจ่ายให้กับมารดา หรือผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเด็กแรกเกิด เพื่อใช้ในการเลี้ยงดูเด็ก เป็นการคุ้มครองทางสังคม และสวัสดิการพื้นฐานที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็ก รวมทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสและช่องทางในการเข้าถึงบริการของรัฐ เพื่อให้เด็กได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพ ทั้งนี้โครงการดังกล่าว กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ได้ดำเนินงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข องค์กรยูนิเซฟ และกรุงเทพมหานคร เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์ ที่ฝากครรภ์กับสถานพยาบาล และมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด ยื่นลงทะเบียนด้วยตนเองที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามที่อยู่ปัจจุบัน ได้แก่ สำนักงานเขตในกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เทศบาล หรือ อบต. ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา ขณะนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๖.๐๐ น.) มีผู้มายื่นลงทะเบียนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น ๔๓,๐๐๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๓.๕๙ จากกลุ่มเป้าหมายจำนวน ๑๒๘,๐๐๐ คน แยกเป็นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน ๗๐๒ คน และส่วนภูมิภาค จำนวน ๔๒,๒๙๙ คน ประกอบด้วย ภาคเหนือ ๘,๙๔๔ คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒๐,๑๒๒ คน ภาคกลาง ๓,๙๕๒ คน และภาคใต้ ๙,๒๘๑ คน
นางสาวอนุสรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวผู้เข้าร่วมโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในพื้นที่เขตดินแดงในครั้งนี้ พบว่าผู้ที่เข้าร่วมโครงการเป็นหญิง อายุ ๒๒ ปี ครอบครัวมีฐานะยากจน อาศัยอยู่กับสามีและลูกอีก ๒ คนในบ้านลักษณะเพิงพักชั่วคราวที่สร้างขึ้นเอง ไม่มีเลขที่บ้าน สภาพเก่าทรุดโทรม โดยภายในบ้านมีความแออัด ไม่มีห้องกั้นเป็นสัดส่วน ครอบครัวมีรายได้ที่ไม่แน่นอนเพียง วันละ ๒๐๐-๓๐๐ บาท จากการเก็บของเก่าขาย ซึ่งต้องนำลูกไปหาของเก่าด้วยทุกครั้ง เนื่องจากไม่มีผู้ดูแล ทั้งนี้ ได้มอบเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด พร้อมทั้งมอบเงินอุดหนุนสงเคราะห์เด็กในครอบครัวจำนวน ๓,๐๐๐ บาท และมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคให้ครอบครัวดังกล่าว เพื่อเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ นอกจากนี้ ยังได้ปรับสภาพที่อยู่อาศัย ให้ถูกสุขลักษณะเหมาะสมกับการเลี้ยงดูเด็กเล็ก อีกทั้งให้ผู้เป็นแม่เข้ารับการอบรมโครงการส่งเสริมสวัสดิภาพเด็กแรกเกิด ให้มีความมั่นคงในชีวิต เพื่อให้มีความรู้และทักษะในการเลี้ยงลูกอย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th