รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงภาพรวมและความสำคัญของประชุม ฯ ว่า เป็นการประชุมหลังจากอาเซียนได้รวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) และเป็นตามคำเชิญของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการจัดการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียน-สหรัฐ เป็นการโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ด้วย (the First ever standalone U.S.-ASEAN summit) เป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองอย่างเป็นรูปธรรมว่า สหรัฐฯ มีความจริงจังในการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและสหรัฐ ฯ ในฐานะหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ (the ASEAN-US Strategic Partnership) ตามที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้ประกาศในการประชุมสุดยอดอาเซียน - สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 3 ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 27 เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2015 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ที่ผ่านมา และยังยืนยันนโยบายปรับสมดุล Rebalancing ของประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ ที่ให้ความสำคัญต่อบทบาทของอาเซียน โดยสหรัฐฯ จะมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการสนับสนุนการสร้างประชาคมอาเซียน ความเป็นแกนกลางของอาเซียนในสถาปัตยกรรมภูมิภาค และการรับมือกับประเด็นท้าทายในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การประชุม ฯ จะช่วยส่งเสริมการรับรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน ให้เป็นที่รู้จักในสหรัฐฯ ส่งเสริมให้อาเซียนสามารถผลักดันความเป็นหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจและการพัฒนา และขยายความร่วมมือในประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่ระหว่างอาเซียนและสหรัฐ ฯ สำหรับไทยแล้ว เป็นโอกาสดีในการสานต่อประเด็นที่นายกรัฐมนตรีได้เสนอในการประชุมสุดยอดที่ผ่านมา อาทิ การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ความร่วมมือด้านวิชาการ เป็นต้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมีกำหนดการพบปะกับกลุ่มวิชาชีพคนไทยที่ประกอบวิชาชีพต่างๆ ในสหรัฐ ฯ และหารือร่วมกับคณะนักธุรกิจและนักลงทุนสหรัฐฯ ด้วย
สำหรับรูปแบบและกำหนดการประชุม ฯ นั้น จะเน้นบรรยากาศที่สนิทสนมเป็นกันเองระหว่างผู้นำอาเซียนและประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ สหรัฐ ฯ ไม่ได้กำหนดระเบียบวาระการประชุมเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้นำได้ใช้เวทีเสนอข้อคิดเห็นในประเด็นต่างๆ อย่างเต็มที่ในบรรยากาศเป็นกันเอง เพราะผู้นำต่างมีความคุ้นเคยและได้ร่วมหารือในหลายเวทีที่ผ่าน ทั้งนี้ การประชุม ฯ ได้แบ่งออกเป็น 3 หัวข้อใน 3 ช่วง คือ วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ช่วงบ่าย การหารืออย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 1 (Retreat 1) หัวข้อ คือ การส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคผ่านนวัตกรรมและประกอบการธุรกิจ (Promoting Regional Prosperity Through Innovation and Entrepreneurship) ช่วงค่ำ การหารือระหว่างอาหารค่ำ (Working Dinner) หัวข้อ คือ ทิศทางยุทธศาสตร์ของภูมิภาค (Regional Strategic Outlook) และวันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 ช่วงเช้า การหารืออย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 2 (Retreat 2) หัวข้อ คือ การรักษาสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงในเอเชีย-แปซิฟิก (Protecting peace, Prosperity and Security in the Asia-Pacific) ครอบคลุมประเด็น การก่อการร้าย (terrorism) และความท้าทายข้ามชาติ (transnational challenges) โดยจะมีเอกสารผลลัพธ์การประชุม ฯ ครั้งนี้ คือ หลักการซันนีแลนด์ (Sunnylands Principles)
ในตอนท้าย รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำหลักการต่างประเทศว่า “ไทยต้องเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบทั้งต่ออาเซียนและประชาคมโลก ในฐานะสมาชิกอาเซียนต้องมีบทบาทสร้างสรรค์ภายในอาเซียน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับมิตรประเทศ โดยให้อาเซียนเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความเติบโตอย่างยั่งยืนตามกรอบการพัฒนาของสหประชาชาติ ขอแอคชั่นต่างๆ สอดคล้องและเป็นไปตามกับวิสัยทัศน์นี้”
ที่มา: http://www.thaigov.go.th