พลตำรวจเอก อดุลย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับนโยบายด้านการพัฒนาทางสังคมและการให้ ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมตลอดมา โดยเฉพาะกับผู้ที่ด้อยโอกาสหรือบุคคลชายขอบ ซึ่งรัฐบาลได้เพิ่มนโยบาย การช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมให้ครอบคลุมชาวต่างชาติที่มาประสบกับสภาวะวิกฤตในประเทศไทย อาทิ ถูกคุมขัง เพราะเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และอื่นๆ เพื่อให้สอดรับกับกระแสการรณรงค์ระหว่างประเทศเรื่องความช่วยเหลือ ด้านมนุษยธรรมแก่ผู้อพยพที่ออกจากประเทศบ้านเกิดของตนไปแสวงหาชีวิตใหม่ที่มีความปลอดภัยมั่นคงมากกว่าเดิม ในประเทศอื่น ซึ่งทางกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ในฐานะผู้รับผิดชอบหลักได้ดำเนินงานเพื่อตอบสนองนโยบายนี้ โดยการเดินหน้าขยายโครงการเพื่อให้ครอบคลุมบุคคลเหล่านี้
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ได้ร่วมมือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (INTERNATIONTAL ORGANIZATION FOR MIGRATION : IOM) ปรับปรุงศูนย์เด็กเล็กที่ตั้งขึ้นมาก่อนหน้านี้ให้มีความพร้อมยิ่งขึ้น เพื่อให้การดูแลเด็กอายุระหว่าง ๒–๑๒ ปี ให้ได้รับการดูแลช่วงกลางวันในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และเอื้อต่อพัฒนาการของเด็ก แต่ละช่วงวัย ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา โดยเด็กเหล่านี้เป็นบุตรของผู้ต้องกักที่อยู่ในศูนย์กักกันคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมีบุคคลหลายสัญชาติ อาทิ ปากีสถาน พม่า และกัมพูชา เป็นต้น สำหรับศูนย์ดูแลเด็ก สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการเป็นศูนย์ต้นแบบแห่งแรก คือ ศูนย์ดูแลเด็ก สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซอยสวนพลู เขตสาทร กรุงเทพฯ ซึ่งศูนย์ดังกล่าว ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี ๒๕๔๖ โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (INTERNATIONAL ORGANIZATION FOR MIGRATION : IOM) และองค์การยูนิเซฟ ประจำประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น ๒ อาคารห้องกัก ต่อมาปี ๒๕๕๓ ได้รับเงินสนับสนุนการปรับปรุงศูนย์ดูแลเด็กฯ จากรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา จึงได้ทำการย้ายศูนย์ดูแลเด็กฯ ออกมานอกห้องกัก ในบริเวณชั้น ๑ และขณะนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ได้ร่วมสนับสนุนศูนย์ดูแลเด็กฯ แห่งนี้ ในการปรับปรุงอาคารบางส่วน อาทิ ปรับพื้นให้อยู่ในสภาพดียิ่งขึ้น รวมทั้งแนวทางการดูแลต่างๆ ให้มีความเหมาะสมตามสถานการณ์ปัจจุบัน
"กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ขอขอบคุณหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ดูแลเด็กฯ แห่งนี้ และขอให้การดำเนินงานของศูนย์ฯ คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กและความประสงค์ของรัฐบาลที่ต้องการดูแลเอาใจใส่ช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมแก่ผู้อพยพ ซึ่งมาประสบภาวะวิกฤตในประเทศไทยเป็นสำคัญ” พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวในตอนท้าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th