พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเร่งผลักดันนโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยและผู้ใช้บริการด้านสาธารณสุขจากต่างประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านระบบบริการสุขภาพรองรับประชาคมอาเซียนที่จะมีประชาชนทั้งจากในภูมิภาคและทั่วโลกเดินทางเข้ามายังประเทศไทย เพื่อใช้แรงงาน ท่องเที่ยว หรือประกอบธุรกิจต่าง ๆ มากขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมา
“ประเทศไทยมีโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนที่ผ่านการรับรองคุณภาพระดับสากล โดยเฉพาะมาตรฐานเจซีไอ (Joint Commission International) 50 แห่ง มากที่สุดในอาเซียน และยังมีสปาไทย นวดไทย น้ำพุร้อน รวมทั้งผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่เป็นเอกลักษณ์ โดยสถิติในปี 2557 มีผู้ใช้บริการทางการแพทย์เดินทางเข้ามาถึง 1,200,000 ครั้ง มากเป็นอันดับ 1 ของโลก และโรงพยาบาลเอกชนของไทยยังได้รับการโหวตให้อยู่อันดับ 1 ใน 10 ของโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลกด้วย”
พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ในปี 2559 รัฐบาลจะส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพของโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ 10 จังหวัด คือ กทม. ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี สุราษฎร์ธานี สงขลา กระบี่ พระนครศรีอยุธยา พังงา และประจวบคีรีขันธ์ และพื้นที่เขตเศรษฐพิเศษ 5 จังหวัด คือ ตาก มุกดาหาร สระแก้ว สงขลา และตราด รวมจำนวน 172 แห่ง ให้ได้รับการรับรองมาตรฐานเจซีไอ หรือมาตรฐานเอชเอ (Hospital Accreditation) มากขึ้น
“ท่านนายกฯ กำชับให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งบูรณาการส่งเสริมคุณภาพมาตรฐานของโรงพยาบาลและสถานบริการด้านสุขภาพของไทย เพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวมาใช้บริการ สร้างรายได้เข้าประเทศ
นอกจากนี้ ท่านยังเป็นห่วงเรื่องสุขภาพอนามัยของคนไทยที่ยังมีสถิติการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่สูงอยู่ โดยมีผู้สูบบุหรี่จำนวนกว่า 10 ล้านคน เสียชีวิตปีละกว่า 50,000 ราย และมีจำนวนผู้ดื่มเหล้าสูงสุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก จึงอยากให้คนไทยหันหาใส่ใจสุขภาพ โดยมาตรการขึ้นภาษีบุหรี่ก็เป็นวิธีหนึ่งในหลายวิธีที่รัฐบาลต้องการลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ให้น้อยลง”
ที่มา: http://www.thaigov.go.th