พร้อมกันนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการต่อกรณีดังกล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงคมนาคมจะต้องเชิญสายการบินนกแอร์มาหารือร่วมกันเพื่อให้เกิดความชัดเจนและต้องแสดงจุดยืนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถที่จะละเลยสิ่งที่เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคหรือประชาชนได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ CEO ของบริษัทไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดกับบุคคลใดก็ตามจะต้องออกมารับผิดชอบตั้งเนิ่น ๆ และอย่าปล่อยให้เกิดปัญหาแล้วให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการหรือระดับที่ต่ำลงไปเข้าไปแก้ไขปัญหา เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้พิสูจน์แล้วว่าปัญหาเหล่านั้นไม่ได้แก้ไขได้จริง สิ่งสำคัญที่จะต้องแจ้งกับสายการบินต่าง ๆ คือ ทุกสายการบินจะต้องมีแผนฉุกเฉิน และแผนบริหารความเสี่ยงแล้วส่งแผนดังกล่าวให้กับกระทรวงคมนาคมรับทราบล่วงหน้า 1 เดือน ขณะเดียวกันจะต้องมีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคให้ชัดเจน และต้องมีความร่วมมือซึ่งกันและกันกับสายการบินอื่น ด้วย เพื่อจะได้ช่วยเหลือกันหากเกิดกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้น ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เชิญสายการบินนกแอร์มาตักเตือนก่อน หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เป็นครั้งที่ 2 อีกจะมีการพักใช้ใบอนุญาต และหากเกิดเหตุการณ์ซ้ำเป็นครั้งที่ 3 จะต้องมีการเพิกถอนใบอนุญาตการบิน โดยการดำเนินการลักษณะดังกล่าวจะใช้กับทุกสายการบินซึ่งทุกบริษัทที่เกี่ยวข้องต้องให้ความร่วมมือ เพราะการดำเนินการเรื่องนี้เป็นความพยายามที่จะยกระดับมาตรฐานทางด้านการบินของไทยและให้สามารถตอบรับต่อองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการบินนานาประเทศ อีกทั้ง กระทรวงคมนาคมจะต้องมองอนาคตข้างหน้าว่าเหตุการณ์ในเรื่องของการยกระดับมาตรฐานทางด้านการบินจะมีผลกระทบต่อบุคลากรของแต่ละบริษัท จึงต้องหาแนวทางร่วมกับแต่ละบริษัทในการที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาตรงนี้ รวมถึงการพัฒนาฝึกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ได้มาตรฐานตามที่สถาบันการบินนานาชาติกำหนดไว้ โดยอย่าปล่อยให้แนวทางการแก้ปัญหาเป็นการแก้ปัญหาโดยลำพังระหว่างบริษัทกับผู้ที่ได้รับผลกระทบในบริษัท เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบขึ้นในวงกว้าง ซึ่งตรงนี้รัฐบาลยอมไม่ได้ที่จะให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค
------------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th