วันนี้ (19ก.พ.59) พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายงานล่าสุดจากกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ว่า ยอดผู้สมัครสมาชิก นับจากวันเปิดกองทุนคือ 20 ส.ค. 2558 จนถึงวันที่ 12 ก.พ. 2559 หรือประมาณ 6 เดือน มีจำนวนสมาชิกทั้งสิ้น 400,388 ราย คิดเป็นยอดเงินออมรวม 558,695,319.73 บาท
“พี่น้องประชาชนเห็นความสำคัญของการเก็บออมเพื่ออนาคต ต้องการสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ตนเองหลังเกษียณ โดยมีรายละเอียดการเปิดบัญชีกองทุนการออมแห่งชาติผ่านสถาบันการเงินต่าง ๆ ดังนี้ ธนาคารกรุงไทย จำนวน 26,378 ราย ยอดออม 88,951,402.75 บาท ธนาคารออมสิน จำนวน 153,070 ราย ยอดออม 210,557,288.99 บาท ธกส. จำนวน 220,868 ราย ยอดออม 259,053,227.99 บาท และผ่านสนง.กองทุนการออมแห่งชาติโดยตรง จำนวน 72 ราย ยอดออม 133,400.00 บาท”
พลตรี สรรเสริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการออมทรัพย์และสร้างหลักประกันการจ่ายบำนาญแก่ประชาชนเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 แห่งพ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533 ที่เคยได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ สามารถโอนย้ายไปเป็นสมาชิก กอช. ได้ เพื่อที่รัฐจะได้ดูแลสวัสดิการเงินบำนาญชราภาพเพียงแห่งเดียว
โดยแจ้งความจำนงต่อ สนง.ประกันสังคม ผ่านทาง สนง.ประกันสังคมกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดทุกจังหวัด ให้โอนเงินส่วนที่เป็นบำนาญชราภาพไปเป็นเงินตั้งต้นการออมกับ กอช. ภายใน 23 มี.ค.59 ซึ่งขณะนี้ กอช. ได้เตรียมพร้อมรับการโอนข้อมูลและเงินบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนแล้ว
ส่วนผู้ประกันตนที่ไม่ประสงค์จะโอนเงินดังกล่าวไปยัง กอช. ทางสนง.ประกันสังคมจะจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพในส่วนที่ผู้ประกันตนได้ส่งเงินสมทบไว้ และในส่วนที่รัฐบาลอุดหนุนคืนให้แก่ผู้ประกันตน เนื่องจากผู้ประกันตนตามมาตรา 40 กรณีบำนาญชราภาพ ได้สิ้นสภาพลงโดยผลของกฎหมายทันทีหลังจากมี พรฎ. ยกเลิกการดำเนินการตามมาตรา 40 ดังกล่าว
“โดยปกติผู้ที่สมัครสมาชิก กอช. จะสามารถออมเงินได้ปีละไม่เกิน 13,200 บาทตามที่กฎหมายกำหนด แต่สำหรับผู้ประกันตนที่โอนเงินไปยัง กอช. จะสามารถออมเงินในฐานะสมาชิกของ กอช. ได้ โดยมียอดเงินที่โอนมาจากประกันสังคมเข้าไปรวมด้วย เพื่อคำนวณหายอดเงินบำนาญรายเดือนที่สมาชิกจะได้รับต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อผู้ประกันตนได้แจ้งความจำนงต่อ สนง.ประกันสังคมแล้ว สามารถติดต่อสมัครสมาชิก กอช. ได้ที่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้การถ่ายโอนข้อมูลแล้วเสร็จ เพื่อที่สมาชิกจะได้ออมเงินและรับเงินสมทบจากรัฐบาลโดยเร็ว โดยหากมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่ สนง.ประกันสังคมทุกแห่ง หรือโทร. 1506 ตลอด 24 ชม.”
-------------------
สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th