แท็ก
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์
ทำเนียบรัฐบาล
ตึกไทยคู่ฟ้า
นายกรัฐมนตรี
ประธานสภา
วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2544
วันนี้ เวลา 15.30 น. ณ. ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายแดน เควล (Mr. Dan Quayle) อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง อาทิ นาย Karl Jackson ประธานสภาธุรกิจสหรัฐฯ-ไทย นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานสภาธุรกิจไทย-สหรัฐฯ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางเยือนไทยระหว่างวันที่ 18-19 มีนาคม 2544 เพื่อชี้แจงรายละเอียดการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาปรับโครงสร้างบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมในไทย (Thailand Corporate Recovery Fund) ภายหลังกล่าวต้อนรับ ได้มีการสนทนาสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีที่อดีตรองประธานาธิบดี ฯ จะประกาศจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาปรับโครงสร้างบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมในไทย และแสดงความเชื่อมั่นว่ากองทุนดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญช่วยให้การดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ประสบผลมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเป็นโอกาสอันดีของบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมไทยที่จะได้เรียนรู้และสร้างความพร้อมการแข่งขันในธุรกิจโลก ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ โดยคำนึงถึงการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ จึงได้มีการจัดตั้งบรรษัทบริหารทรัพย์สินกลาง (Thailand Asset Management Corporation) พร้อมๆกับให้การสนับสนุนภาคธุรกิจเพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจได้เหมือนเดิม
อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวชื่นชมการกล้าตัดสินใจในการดำเนินการจัดตั้งบรรษัทบริหารทรัพย์สินกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อย่างเป็นรูปธรรมของรัฐบาลไทย พร้อมทั้งได้แสดงความเห็นว่า ความมั่นคงทางด้านการเมืองยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยยังเป็นประเทศที่มีบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนสูงสุดในเอเชีย สำหรับกองทุนเพื่อพัฒนาปรับโครงสร้างบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมในไทย ซึ่งเป็นโครงการที่ได้มีการริเริ่มตั้งแต่ 2541 ในระหว่างการประชุมประจำปีระหว่างสภาธุรกิจไทย-สหรัฐฯ กับสภาธุรกิจสหรัฐ-ไทย ซึ่งเป็นการร่วมมือ 3 ฝ่าย ระหว่างไทย สหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยมีเงินลงทุนโดยประมาณทั้งสิ้น 155 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ประมาณเดือนมิถุนายน 2544 กองทุนฯ นี้ นอกจากจะมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการปรับโครงสร้างบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมในไทยแล้ว ยังจะช่วยฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจไทยได้ในระดับหนึ่งด้วย
--สำนักโฆษก--
-สส-
วันนี้ เวลา 15.30 น. ณ. ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายแดน เควล (Mr. Dan Quayle) อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง อาทิ นาย Karl Jackson ประธานสภาธุรกิจสหรัฐฯ-ไทย นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานสภาธุรกิจไทย-สหรัฐฯ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางเยือนไทยระหว่างวันที่ 18-19 มีนาคม 2544 เพื่อชี้แจงรายละเอียดการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาปรับโครงสร้างบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมในไทย (Thailand Corporate Recovery Fund) ภายหลังกล่าวต้อนรับ ได้มีการสนทนาสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีที่อดีตรองประธานาธิบดี ฯ จะประกาศจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาปรับโครงสร้างบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมในไทย และแสดงความเชื่อมั่นว่ากองทุนดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญช่วยให้การดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ประสบผลมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเป็นโอกาสอันดีของบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมไทยที่จะได้เรียนรู้และสร้างความพร้อมการแข่งขันในธุรกิจโลก ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ โดยคำนึงถึงการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ จึงได้มีการจัดตั้งบรรษัทบริหารทรัพย์สินกลาง (Thailand Asset Management Corporation) พร้อมๆกับให้การสนับสนุนภาคธุรกิจเพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจได้เหมือนเดิม
อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวชื่นชมการกล้าตัดสินใจในการดำเนินการจัดตั้งบรรษัทบริหารทรัพย์สินกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อย่างเป็นรูปธรรมของรัฐบาลไทย พร้อมทั้งได้แสดงความเห็นว่า ความมั่นคงทางด้านการเมืองยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยยังเป็นประเทศที่มีบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนสูงสุดในเอเชีย สำหรับกองทุนเพื่อพัฒนาปรับโครงสร้างบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมในไทย ซึ่งเป็นโครงการที่ได้มีการริเริ่มตั้งแต่ 2541 ในระหว่างการประชุมประจำปีระหว่างสภาธุรกิจไทย-สหรัฐฯ กับสภาธุรกิจสหรัฐ-ไทย ซึ่งเป็นการร่วมมือ 3 ฝ่าย ระหว่างไทย สหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยมีเงินลงทุนโดยประมาณทั้งสิ้น 155 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ประมาณเดือนมิถุนายน 2544 กองทุนฯ นี้ นอกจากจะมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการปรับโครงสร้างบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมในไทยแล้ว ยังจะช่วยฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจไทยได้ในระดับหนึ่งด้วย
--สำนักโฆษก--
-สส-